คนต้นเรื่อง : วิจิตราอ่านโยเกิร์ตแลนด์แอนด์วิจิตราทุกตอนได้ที่ : https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/yogurtland-and-vijitra/


คุณเป็นคนนึงที่ชอบการเดินทางมั้ยคะ ? เราเป็นคนนึงที่คิดว่าตัวเองชอบการเดินทาง การเดินทางแบกเป้ เห็นโลกใบโตทำให้เรามองเห็นและเรียนรู้อะไรจากมันเยอะเลย

 

ช่วงพักจากการเรียน (นี่วิจิตรามาเรียนจริงๆ นะจ๊ะ 555+) เราก็ออกเดินทางไป 6 ประเทศด้วยสายการบิน low cost และวีซ่าที่ให้มาน้อยแบบตดไม่ทันหายเหม็นก็ต้องออกจากเชงเก้นโซนแล้วซะงั้น (เชงเก้น คือ วีซ่าสำหรับเดินทางประเทศในยุโรป)

เราเดินทางข้ามประเทศด้วยรถยนต์และรถบัสด้วยเงินอันน้อยนิด T^T เตรียมมาแบบพอดีเป๊ะๆ  วิจิตราใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางไปกับการหลับ! (คือป้าเพลีย ป้าแก่แล้ว ป้าง่วง) แต่ช่วงที่ตื่นก็มักจะเห็นโบสถ์เล็กๆ เยอะแยะตามเส้นทางที่ผ่าน ดูผ่านๆ ก็ดูเหมือนดีใช่มั้ยคะ แต่ที่จริงมันน่าเศร้ามาก คือดูเหมือนว่าโบสถ์เหล่านั้นถูกทิ้งร้างมานาน มันดูเป็นโบสถ์ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป วิจิตราเลยลองค้นๆ ข้อมูลเกี่ยวกับโบสถ์ในยุโรปดู พอเห็นข้อมูลแล้วก็เอามือทาบอกเบาๆ พร้อมพูดว่า คุณพระ! เลยอยากแชร์ให้ดูสถิติอันน่าเศร้าใจนี้ไปด้วยกัน (ข้อมูลจาก Wall Street Journal)

 

Europe_churches_go_on_sale

ในข่าวเป็นโบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์
ที่เปลี่ยนเป็นลานสเก็ตบอร์ด (ภาพ Wall Street Journal)

 

 

europe_church_stats

เปอร์เซ็นต์คริสเตียนบางประเทศในยุโรปที่บอกว่าไปโบสถ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ภาพจาก Wall Street Journal

 

 

ในอังกฤษ โบสถ์นิกาย  Church of England ปิดตัวลง 20 แห่งต่อปี โบสถ์กว่า 200 แห่งในเดนมาร์กไม่ได้ถูกใช้การอีกต่อไป โบสถ์คาทอลิกกว่า 515 ที่ในเยอรมนีถูกปิดตัวลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าที่เนเธอร์แลนด์ 2 ใน 3 ของโบสถ์คาทอลิกกว่า 1,600 แห่ง จะทยอยปิดตัวลงภายใน 10 ปีนี้ และ โบสถ์โปรแตสแตนท์ 700 กว่าแห่งคาดว่าจะปิดตัวลงภายใน 4 ปีนี้ เหยยย สถิติอะไรจะโหดขนาดนี้!!!

ยังไม่หมดค่ะขุ่นผู้ชมคะ มากไปกว่านั้นโบสถ์บางที่ถูกขายต่อกลายเป็นร้านค้า โรงเรียนสอนกายกรรม พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ร้านกาแฟ ผับ ที่พีคกว่านั้นคือถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิด และพีคสุดๆๆ ที่เคยเห็นมาคือเปลี่ยนเป็นวัดธรรมกาย T^T

 

 

ภาพจาก Youtube https://www.youtube.com/watch?v=pZJWEbbmJtk

วัดธรรมกายนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ภาพจาก Youtube 

 

คริสต์มาสปีนี้ (2015) เราอยู่ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก น่าแปลกใจที่ย่านเมืองเก่าที่เราไปเที่ยว มีโบสถ์คาทอลิกหลังใหญ่ตั้งอยู่ มีต้นคริสต์มาสตกแต่ง แต่ดูเหมือนไม่มีใครเฉลิมฉลองวันที่พระเยซูคริสต์มาประสูติเลยซะงั้น?! 

สงสัยอยู่ผิดที่ มันเป็นโซนท่องเที่ยวอ่ะเนาะ ซานตาครอสและต้นคริสต์มาสก็น่าจะป๊อปมากกว่าเรื่องของพระเยซู วันถัดมาเราเดินเที่ยวรอบเมืองพร้อมไกด์ทัวร์  ไกด์บอกกับเราว่าหลังจากยุคคอมมิวนิสต์ คนในเช็กก็กลายเป็น Atheist (อะ-ที-อิส) หรือคนไม่มีศาสนาถึง 70 เปอร์เซนต์ ได้ยินสถิติแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เฮ้ยูวววว!!! ทำไมถึงเลิกเชื่อพระเจ้ากันไปหมดล่ะ!

 

บรรยากาศงานคริสตมาสในกรุงปราก

บรรยากาศงานคริสต์มาสในกรุงปราก

 

ยังไงก็ตามระหว่างทัวร์ยุโรปเราก็มักจะเจอคนมาตั้งบูธแจกหนังสือที่มีชื่อว่า “What does the bible really teach?” (แท้ที่จริงพระคัมภีร์สอนอะไร?) หลายภาษาด้วยนะจ๊ะ ตามรถไฟใต้ดิน หรือสถานที่ท่องเที่ยวในเกือบทุกประเทศที่เราไป วิจิตราก็เลยถือโอกาสหยิบมาอ่านซักหน่อยแล้วก็คิดในใจว่า เออ ดีอะ คริสเตียนที่นี่เค้าก็สัตย์ซื่อในการประกาศเรื่องพระเจ้าดีนะเนี่ย ขนาดวันหยุดก็ไม่ว่างเว้น แต่พออ่านไปซักพัก แล้วพลิกไปดูหนังสือด้านหลังปรากฏว่า เห้ยยย!!! นี่มันเป็นหนังสือของกลุ่มพยานพระยะโฮวาห์นี่นา สิ่งที่ซาบซึ้งไปเมื่อกี้ T^T

 

what_does_the_bible_really_teach

 

(พยานพระยะโฮวาห์เป็นกลุ่มความเชื่อหนึ่ง ข้อแตกต่างที่เขาเชื่อไม่เหมือนคริสเตียนโปรแตสแตนท์ก็คือ เขาเชื่อว่าพระเยซูเป็นเพียงทูตสวรรค์ที่พระเจ้าสร้าง เขาไม่เชื่อในตรีเอกานุภาพ คือไม่เชื่อว่าพระเยซูหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้า เป็นกลุ่มที่มีการประกาศอย่างกระตือรือร้นมากแบบที่คริสเตียนอาย เพราะเชื่อว่าคนที่ไม่ได้เชื่อแบบพยานพระยะโฮวาห์ก็จะไม่รอด ในสมัยก่อน เมื่อปี 1925 เคยมีผู้นำลัทธิที่พยากรณ์ว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาด้วย  อ้างอิงข้อมูลจาก เว็บ gracezone  และ เว็บ gotquestion)

 

โหหห ป้ายกระทิงแดงหน้าโบสถ์

จากการว๊าบไปโน่นมานี่ในยุโรปเพียง 13 วัน ทำให้เราสังเกตเห็นสถานการณ์ของคริสเตียนในยุโรปว่าวิกฤติพอสมควร แว๊บนั้นเราก็คิดว่า เอ๊ะ แล้วคริสเตียนที่นั่นเค้าทำอะไรกันอยู่นะ ทำไมปล่อยให้คนเลิกเชื่อขนาดนี้?! แต่เอ๊ะ!! อ่าวเฮ้ย!! แล้วตอนนี้วิจิตราล่ะทำอะไรอยู่?! คิดไปคิดมาก็เข้าตัวเองเฉยเลย แถมคนที่สัตย์ซื่อในการประกาศกลับไม่ใช่คริสเตียนซะงั้น T_T ดังนั้นสิ่งที่เราไปเจอมาทำให้เราตระหนักและคิดแล้วคิดอีกว่า…

 

การส่งต่อความเชื่อรุ่นต่อรุ่นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เนอะ ไม่ใช่แค่ส่งต่อความเชื่อไปยังคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนอื่นๆ ทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักด้วย 

เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับคนรุ่นก่อนที่ สัตย์ซื่อ’ ในการส่งต่อความเชื่อนี้จนมาถึงรุ่นเรา แต่คงเป็นเรื่องเศร้าน่าดูหากคนในรุ่นเรา ‘ไม่สัตย์ซื่อ’ ในการส่งต่อความเชื่อนี้ให้คนรุ่นหลังต่อไป

สถานการณ์ของคริสเตียนไทยในอนาคตอาจจะไม่ต่างกับโบสถ์ที่ถูกทิ้งร้างในยุโรปตอนนี้ก็ได้นะคะ แน่นอนว่าเรายังไม่อยากเห็นภาพโบสถ์ในไทยถูกเปลี่ยนเป็นที่จอดรถ ห้างสรรพสินค้า หรือฟินมาร์เก็ตไปซะก่อนใช่มั้ย >.<

ขอจบตอนนี้ด้วยข้อพระคัมภีร์ที่เราชอบมาก …

 

แล้วผู้ที่ยังไม่เชื่อจะร้องเรียกพระองค์ได้อย่างไร?
และผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของพระองค์จะเชื่อได้อย่างไร?
และหากไม่มีใครประกาศเรื่องของพระองค์ พวกเขาจะได้ยินได้อย่างไร?
ฉะนั้นความเชื่อจึงเกิดขึ้นจากการได้ยินเรื่องราวนั้น
และเรื่องราวที่ได้ยินนั้นคือพระวจนะของพระคริสต์” (โรม 10:14 ,17)

จริงเนอะ ถ้าเราไม่พูดเรื่องของพระเยซูให้เค้าเหล่านั้นฟัง เค้าจะรู้ได้ยังไงว่าพระองค์แสนดีขนาดไหนต่อชีวิตเรา? ออกไปประกาศกันนะคะ ที่รัก (ป้าบอกตัวเองด้วย!)

 

ด้วยรักและโยเกิร์ต

 


ติดตามเรื่องราวของวิจิตราและการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเธอได้ใน Facebook: ชูใจ Project ทุกวันเสาร์ 19.30น. นะจ๊ะ

 


Previous Next

  • Author:
  • วิจิตรา - สาวน้อยหัวใจผจญภัย กับความฝันอยากไปเมืองนอกที่ยังไม่หมดอายุของเธอ ถึงตอนนี้จะกลับมาจากบัลแกเรียแล้ว แต่ก็ยังคงเก็บตังค์เพื่อพาตัวเองออกนอกประเทศอีกครั้ง ตอนนี้เลยมาช่วยงานแปลพี่ชูใจไปก่อนเงินจะเต็มกระปุกให้ออกเดินทางงงงง
  • Illustrator:
  • Narit
  • เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง