EP. 9

3 ขอบเขตดีต่อใจ… เวลาคบใครสักคน


ผู้เขียน Debra K. Fileta
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ : 3 ways actually guard your heart


“มากแค่ไหนคือมากกกเกินไป?”

ฉันไม่แปลกใจเลยซักนิดที่มักจะต้องตอบคำถามนี้บ่อยๆ จากหนุ่มสาวคริสเตียนที่คอยระมัดระวังความใกล้ชิดทางกายเวลาคบหากัน ว่าแต่ว่า ความใกล้ชิดทางกายนี่เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดในการคบหากันแล้วเหรอ?

.

คริสเตียนเรามักจะเพ่งเล็งความใกล้ชิด “ทางกาย” เป็นพิเศษ  จนบางครั้งเราก็ลืมไปว่าความใกล้ชิดทางอารมณ์และจิตวิญญาณก็ผูกพันเราไว้หรือบ่อนทำลายความสัมพันธ์ได้เหมือนกัน อันที่จริง ความใกล้ชิดทางอารมณ์นั้นทรงพลังมากกว่าที่เราคิดซะด้วยซ้ำ!

.

เมื่อคนสองคนเชื่อมต่อกันทางอารมณ์ มันมีอะไรมากกว่านั้นเกิดขึ้น มันตื่นเต้นไฟฟ้าช๊อตซะยิ่งกว่าการจูบหรือกอดกันซะอีก  มันเป็นอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งมากกว่าแค่กายสัมผัส  ความใกล้ชิดทางอารมณ์ก็เหมือนกับความใกล้ชิดทางกายนั่นแหละ มันสวยงามและสร้างความผูกพันเมื่ออยู่ในบริบทที่ถูกต้อง แต่อย่าชะล่าใจไป! เพราะมันก็สามารถสร้างความเจ็บปวดและทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกันนะถ้ามันเลยเถิดเกินกว่าที่ควรจะเป็น!

.

ต่อไปนี้ก็จะเป็นตัวอย่างการคบหากันแบบปลอดภัยสบายอารมณ์  สิ่งสำคัญคือเราควรจะแน่ใจว่าความใกล้ชิดทางอารมณ์ของเรามันสอดคล้องกับ “ความจริงจังในความสัมพันธ์” ของเราด้วย แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายถึงว่าเราควรจะปิดกั้นความรู้สึกซะจนแมลงวันก็บินผ่านไม่ได้เวลาที่คบกับใคร  เพียงแต่เราควรจะหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้เพื่อจะไม่ต้องเจอกับอาการปวดจี๊ดทรมานใจจากความผูกพันทางอารมณ์ที่เร็วเกินไปหากความสัมพันธ์นั้นยังไม่ได้แน่นอนถึงขั้นแต่งงาน
.

Line-Yellow

1. รู้จักกันก่อน แต่อย่าพึ่งใจร้อนอธิษฐานด้วยกัน

นี่อาจฟังดูตรงข้ามกับสิ่งที่พี่ๆ ที่โบสถ์เคยบอกเราเลยใช่มั้ยล่ะ  เราถูกสอนมาว่าการอธิษฐานเป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์  ฉันเองก็รู้จักคู่รักหลายคู่ที่เริ่มต้นความสัมพันธ์โดยการใช้เวลาอธิษฐานและเรียนรู้พระวจนของพระเจ้าด้วยกัน  ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ดีอ่ะนะ แต่ฉันคิดว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับความสัมพันธ์ที่พึ่งเริ่มต้น

ในช่วงเวลาที่เราแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้า เทใจและวิญญาณของเราออกต่อพระองค์นั้นเป็นเวลาที่เราเปิดเผยอารมณ์และความอ่อนแอของเรามากที่สุด มันเป็นเวลาที่เราเปิดเผยทุกความรู้สึกต่อพระเจ้าโดยไม่ปิดบังอะไรไว้ 

.

การอธิษฐานเผื่อความสัมพันธ์ของเราและคอยฟังเสียงพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วล่ะ  แต่จะฉลาดกว่าถ้าเรารู้จัก “รอ” ก่อนที่จะแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าในเรื่องนี้ด้วยกัน  ให้เราแสวงหาพระเจ้าเป็นการส่วนตัวก่อนที่จะเอาใครอีกคนเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรากับพระเจ้าดีมั้ยคะ  รอคอยจนกว่าเริ่มมั่นใจ อยากถึงขั้นแต่งงานกับเขาจริงๆ อย่าพึ่งรีบร้อนตอนที่ยังเริ่มจีบกันเลยจ้า

.

การดูใจกันควรเป็นช่วงเวลาที่เราได้รู้จักกันและเรียนรู้จักสิ่งซึ่งลอยอยู่บนผิวหน้าของกันและกันก่อนจะก้าวไปขั้นต่อไป อ๊ะ อ๊ะ อย่าพึ่งเหยียบคันเร่งเต็มตัว เพราะการใช้ช่วงเวลาลึกซึ้งด้วยกัน เช่น การอธิษฐานร่วมกัน อาจเร่งให้ความใกล้ชิดทางอารมณ์ของเราเติบโตเร็วกว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายแล้วก็สร้างจะแผลใจและจิตวิญญาณอันเปราะบางของเราซะเอง

.

Line-Yellow

2. รู้จักเปิดใจ แล้วก็ต้องรู้จักปิดใจบ้าง

การคบหากันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ  มันเป็นช่วงเวลาที่เราได้รู้จักและเรียนรู้ใครสักคน พร้อมกับที่เราเองก็ค่อยๆ ลดกำแพงลงและเริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเรามากขึ้น

แต่ประเด็นมันอยู่ที่คำนี้แหละ “ค่อยๆ ลดกำแพงลง” เมื่อเราเริ่มคบหาดูใจกับใครซักคน เราควรพร้อมที่จะเปิดใจ แบ่งปันเรื่องราวและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับใครคนนั้น  แต่ก็ควรจะมีขอบเขตในเรื่องนั้นด้วย  บางเวลาเราก็ควรจะเปิดใจในสิ่งที่เราเป็น แต่บางทีก็ควรยั้งไว้บ้าง  อย่าไปเที่ยวเล่ารายละเอียดทุกอย่างหรือทุกความลับที่มีมาแต่เด็กให้เค้าฟังตั้งแต่วันแรกที่ไปเที่ยวด้วยกัน  ความสัมพันธ์เป็นเหมือนเส้นทางแห่งความเชื่อใจ ที่ต่างฝ่ายต่างบรรจงสร้างขึ้นมาทีละเล็กละน้อย  เริ่มด้วยการวางรากฐานก่อน  จากนั้นก็เริ่มสร้างบ้านขึ้นมา  จำไว้ว่าให้เป็นสิ่งที่เราเป็น มีความจริงใจ และซื่อสัตย์  แต่ก็อย่ามากจนเกินขอบเขต และคิดไตร่ตรองให้ดีซะก่อนนะจ๊ะ

 

.

Line-Yellow

3. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจริงจัง ถ้ายังไม่จริงจังก็อย่าพึ่งใจร้อนรับปาก

แน่นอนว่าพอเราเริ่มคบใครซักคน ต่อมความเพ้อฝันของเราก็ถูกปลุกให้ตื่น เราอยากจะตามหาฝันไปด้วยกัน  วางแผนอนาคตด้วยกัน และสร้างอนาคตไปพร้อมกัน แต่ฉันคิดว่ามันมีเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนั้น  ถ้าจะจริงจังกันต่อไป ยังไงก็จำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันให้เข้าใจเพื่อจะมองเห็นอนาคตเดียวกัน  แต่เรื่องแบบเนี้ยะ มันไม่ควรจะพูดถึงก่อนเวลาอันสมควรหรือถ้าแค่ยังคุยๆ กันอยู่ ปัญหามันมักจะเกิดเมื่อเราจริงจังกับอนาคตไปแล้ว ทั้งๆ ที่ปัจจุบันคุณทั้งคู่ยังไม่ชัดเจนเลย!

.

ใจเย็นๆ นะจ๊ะ ให้ความสัมพันธ์มันค่อยเป็นค่อยไป อย่างมั่นคงก่อนจะรีบคุยเรื่องอนาคตกันไปแบบก้าวกระโดด เพราะว่า “คุยกันไปถึงไหน ใจก็ไปถึงนั่นด้วย”

.

เรามักได้ยินคริสเตียนพูดว่า “จงรักษาใจของเจ้า” ฟังดูพระคำตอนนี้อาจจะวินเทจไปจนฉันคิดว่าคนสมัยนี้อาจจะไม่ให้ความสำคัญไปแล้ว แต่พระเจ้าทรงรู้ว่าหัวใจของเราเปราะบางแค่ไหน พระองค์จึงขอให้เราใช้เวลาปกป้อง ดูแลและเอาใจใส่หัวใจตัวเอง แต่การ “รักษาใจ” ไม่ใช่แค่เสกมาละจะทำได้ แต่มันคือการ “ตัดสินใจ” ในแต่ละวัน ตัดสินใจที่จะเชื่อ ที่จะใช้เวลา ที่จะยอมในแต่ละขั้นตอนของความสัมพันธ์ อย่างที่ใน สุภาษิต 4:23 บอก

“จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน
เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ”


 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคาร สีชมพูววว์ นะจ๊ะ


Previous Next

  • Translator:
  • Nava
  • หนึ่งในทีมผู้แปลชูใจ ผู้สืบทอดกิจการสายไหมของครอบครัว จบศึกษาอิงค์ แต่ไม่ได้อยากเป็นครูในระบบ มีความมุ่งมั่นที่จะตามหาฝันไปไกลถึงเมืองที่มีแกะมากกว่าประชากรในประเทศ
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง