คนต้นเรื่อง : วิจิตราอ่านโยเกิร์ตแลนด์แอนด์วิจิตราทุกตอนได้ที่ : https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/yogurtland-and-vijitra/


______________________________

สวัสดีค่ะ ก่อนที่จะมาจบซีรีส์อันยาวนานนี้ ใน EP. ถัดไป วิจิตราอยากจะมาเล่าประสบการณ์ในบัลแกเรีย ประเทศที่ใครหลายคนไม่คุ้นไม่ชินให้ฟัง ว่ามันจะแตกต่างจากประเทศไทยซักแค่ไหน เอาเป็นว่า ตอนนี้เรามีเรื่องราวของวัฒนธรรมที่แตกต่างและประสบการณ์ตลกๆ มาเล่าให้ฟังกันค่ะ

______________________________



เริ่มต้นที่การทักทาย

สาวไทยแท้แบบเราจะถูกเนื้อต้องตัวใครก็คงต้องหวงตัวนิดหน่อยอ่ะนะคะ 5555+ เพราะงั้นพอมาถึงที่นี่ช่วงแรกๆ เราเลยทำตัวไม่ถูก คือเราจะไหว้แบบเดิมก็คงไม่ได้เนอะ แล้วโดยปกติของคนไทยเนี่ย ถ้าไม่ไหว้ก็แค่พูดทักทายเฉยๆ ป่ะ แต่คนบัลแกเรียเค้าจะจับมือและกอดกันค่ะ (เล็งไว้เลยใครหล่อ แฮร่ เป็นโอกาสดีของวิจิตรานาจา แต่อย่าคิดมาก เค้าแค่ทักทายค่ะอิป้า 55555+) ที่หนักไปกว่าการกอดคือการเอาแก้มชนแก้ม หวายย ช่วงเดือนแรกๆ นี่เขินหนักมาก เพื่อนชาวสเปนของเราเจอกันครั้งแรกก็ทักทายด้วยการจุ๊บแก้มเลยจา วิจิตราตกใจมาก หลังๆ มาเริ่มชิน ถึงค่อยปรับตัวได้ว่า แกรรรร มันเป็นวัฒนธรรมเค้า!

20160807_120145

ต่อมาก็คงเป็นเรื่องยิ้มยาก

ช่วงเดือนแรกๆ ที่เราไปถึง อย่างที่เคยเล่าไปในอีพีก่อนๆ แล้วว่าคนบัลแกเรียไม่ค่อยยิ้มเลย ขนาดตอนถ่ายรูปก็ไม่ยังยิ้ม (มีน้อยคนที่จะยิ้มเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แต่พอตอนถ่ายรูปก็จะไม่ยิ้มกว้างแบบที่เราชอบยิ้มกันอยู่ดี 555+) หลังๆ มาก็เริ่มชินละล่ะ เลยไปถามว่า เหยย ทำไมยูวไม่ค่อยยิ้มเลยอ่ออ เพื่อนเราก็เริ่มอธิบายให้ฟัง คือคนที่นี่เค้าคิดว่าการทำหน้าเคร่งๆ เนี่ย มันดูดีกว่าการยิ้ม อ่าวว เป็นงั้นไปป ==” เค้าจะค่อนข้าง keep look กันน่ะค่ะ

.

ที่เราว่ามันแปลกอีกอย่างนึงคือแฟชั่นของผู้หญิงบัลแกเรีย

เค้าจะชอบรองเท้าใส่ส้นสูงมากๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าทำไม รองเท้าผ้าใบนี่เหมือนมีไว้สำหรับเด็กวัยรุ่น ถ้าโตแล้วต้องส้นสูงค่ะที่รัก ไม่ว่าสภาพอากาศวันนั้นจะหนาวมาก ฝนตก ใบไม้ผลิ หิมะถล่ม ผู้หญิงที่นี่ก็ยังจะใส่ส้นสูงอยู่ดี ยูววลองคิดสภาพหิมะที่กลายเป็นน้ำแข็งลื่นๆ แต่ก็ยังเห็นคนใส่ส้นสูงกันพรึบ ไม่หวั่นแม้วันหิมะตกจริงๆ

.

เรื่องเข้าใจผิดก็มา

ครั้งนึงวิจิตราต้องเดินทางไปเมือง “สิลิตรา” วันนั้นต้องเดินทางไปคนเดียวเพราะเพื่อนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ด้วยความที่ช่วงแรกๆ ยังอ่านตัวหนังสือบัลแกเรียนไม่ได้ หลังจากที่ได้ตั๋วมาแล้วก็เดินขึ้นรถ ถามคนขับว่า “Silistra?” ด้วยสำเนียงมั่นใจว่าใช่รถคันนี้แน่ๆ แต่!! คนขับรถส่ายหัวววว ยูวว เราก็แบบอ่าว ไม่ถูกอ่ออ สรุปยังไงง เลยลงจากรถ รอจนใกล้ถึงเวลารถออก เราก็งงว่า เอ๊ ทำไมไม่มีรถคันอื่นน้า จนคนขับรถที่ส่ายหัวให้เมื่อตะกี้เดินมาตามเรา แล้วก็ชี้ตั๋วเรา แล้วก็ชี้ไปที่รถ เราก็็งงมากจา มารู้ทีหลังว่า คนบัลแกเรียน ส่ายหัว = ใช่ / ผงกหัว = ไม่ใช่ ..แป่วว เป็นวัฒนธรรมที่งงงวยมากจ้า 5555+ หลังจากนั้นเราก็ยังสับสนอยู่ดี เมื่อไหร่ที่เพื่อนเราผงกหัว หรือส่ายหัวเราต้องถามซ้ำอีกครั้งว่า Yes or No เคยมีครั้งนึงเห็นเพื่อนไอ เลยถามว่า ไม่สบายหรอ เพื่อนส่ายหัว อ่าจ้า รู้กันว่า ใช่ ฉันไม่สบายจ้า งงมั้ยคะ?

.
(จนถึงตอนนี้เราก็ยัง งง อยู่ 555+)

20160406_121712

บัลแกเรียคือเมืองโยเกิร์ตที่แท้ มีให้เลือกทั้งแผงเลยค่ะ

จะเอายี่ห้อไหนก็เลือกมา ที่สำคัญคือรสชาติจะไม่หวาน แบบบ้านเรานะ แต่จะออกรสเปรี้ยว หรือบางยี่ห้อก็จืดไปเลย เอาเป็นว่าวิจิตราไม่ชอบมากเท่าไหร่ก็เลยไม่ค่อยได้กินบ่อยๆ คนที่นี่ภาคภูมิใจกับโยเกิร์ตของเค้ามากกกกกกก ว่ากันว่าแลคโตบาซิลัสที่ใช้ทำโยเกิร์ตของชาวบัลแกเรียมีเฉพาะที่บัลแกเรียเท่านั้น โหหหห ขนาดนั้นนนนน จุดพีคคือเค้าเซียนระดับแยกออกว่าอันนี้มาจากนมวัว อันนั้นมาจากนมควาย ยูวว ขนาดนั้นอ่ะ //

 

อีกอย่างนึงคือเราได้ข้อสังเกตว่า เพื่อนๆ ชาวบัลแกเรียจะกินโยเกิร์ตกันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือถ้ากินอย่างอื่นก็จะมีโยเกิร์ตเป็นเครื่องเคียงด้วยงี้ แล้วยังมีเครื่องดื่มพื้นบ้านที่เรียกว่า Айрян หรือ ไอเรียง ซึ่งมาจากโยเกิร์ตผสมน้ำ เป็นเครื่องดื่มที่ต้องลองนะคะถ้ามีโอกาสได้ไปถึงบัลแกเรียแล้ว เพราะคนบัลแกเรียขาดสิ่งนี้ไม่ได้จริงๆ ☺ มากไปกว่าเครื่องดื่มก็มีซุปเย็นที่ทำมาจากโยเกิร์ต! หวายยย วิธีการคือ ผสมโยเกิร์ตลงไปในหม้อ ผสมน้ำ ใส่แตงกวา แครอท ผักอะไรไม่รู้อีก และ ใส่เครื่องปรุงรสเข้าไปปป ช้าดา ได้ซุปเย็นออกมาที่เรียกว่า Таратор หรือ Tarator ซุปเย็นสำหรับกินช่วงหน้าร้อนเข้าไป สำหรับครั้งแรกของวิจิตรานั้นถือว่าหนึ่งถ้วยเพียงพอแล้วค่ะ 5555+ ถ้าได้ไปบัลแกเรียก็อย่าลืมแวะกินซุปที่ว่านี้นะคะ อิอิ ไม่แปลกใจเลย ทำไมถึงได้รับชื่อว่า เมืองโยเกิร์ต

 

20160628_192433
ส่วนเรื่องสุดท้ายเป็นประสบการณ์ระทึกขวัญ!!!

วันนั้นไปเที่ยวเมืองอันดับหนึ่งในใจเรา คือเมืองพล๊อฟดิฟ Plovdiv ตอนที่เราขึ้นไปยืนทำเอ็มวีอยู่ตรงกำแพงเมืองเก่าท่ามกลางลมพัดเย็นสบาย ก็เห็นลุงคนนึงเดินอ้อมมาฝั่งกำแพงที่เป็นป่า เปลี่ยว เราก็งงๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร ถ่ายรูปไป ทำเอ็มวีไป ซักพักเราเห็นลุงอยู่หลังกำแพง แต่ที่ไม่เหมือนเมื่อกี้คือลุงถอดหมดทุกชิ้น และมองมาที่เราและผองเพื่อน.. ลุงโชว์จูค่ะ!!! T^T วินาทีนั้นคือ เห้ย ตกใจมากกก! กรี๊ดสิคะ แหมมันตกใจจริงๆ นะ วันนั้นเราหลอนผู้ชายไปทั้งวันเลย อยู่ไทยไม่เคยเจอ มาเจอโรคจิตบัลแกเรียซะงั้น พอเล่าให้เพื่อนบัลแกเรียฟัง เพื่อนเราบอกว่าให้ตะโกนไปว่า อี๋ยย ไม่เห็นน่าสนใจเลย เราก็คิดนะว่า จะให้เราตะโกนกลับไปเป็นภาษาบัลแกเรียยังไงละจ๊ะ แหม่ หลังจากนั้น พล๊อฟดิฟ ก็ไม่ใช่เมืองโปรดของเราอีกต่อไป

.
เขียนมาถึงตรงนี้ (ไม่รวมเรื่องสุดท้ายนะคะ) เราก็คิดขึ้นมาได้ว่าจริงๆ แล้วการไปอยู่ต่างสถานที่และต้องทำงานกับคนที่ต่างวัฒนธรรม ต่างไลฟ์สไตล์สุดขั้วแบบที่เรามีประสบการณ์มานั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนถึงตอนนี้เราขอบคุณพระเจ้าที่เราผ่านมาได้ ทำให้เรานึกถึงมิชชันนารีทั้งในประเทศไทยหรือที่อื่นๆ ที่พวกเขายอมจากบ้านจากเมืองตัวเองมาอยู่ต่างถิ่น

 

เหตุเพราะการเชื่อฟังพระเจ้านั้น ไม่ใช่เพื่อจะใช้ชีวิตตามใจตัวเอง
แต่ต้องมาเพื่อเข้าใจ และใช้ชีวิตร่วมกันกับคนอื่นที่แตกต่างกับเราด้วย

 

ซึ่งเราว่ามันคงยากสำหรับพวกเขามากพอสมควรเลย ดังนั้นก็อย่าลืมที่จะขอบคุณและให้กำลังใจครอบครัวมิชชันนารีเหล่านั้นอยู่เสมอนะคะ


______________________________

หวังว่าที่เล่ามาทั้งหมดและพารากราฟสุดท้ายมันจะเกี่ยวข้องกันเนอะ 555+
เจอกันใหม่ อีพีสุดท้ายค่ะ ฮือ แอบใจหาย…

.

ด้วยรักและโยเกิร์ต

20160628_145929(0)


Previous Next

  • Author:
  • วิจิตรา - สาวน้อยหัวใจผจญภัย กับความฝันอยากไปเมืองนอกที่ยังไม่หมดอายุของเธอ ถึงตอนนี้จะกลับมาจากบัลแกเรียแล้ว แต่ก็ยังคงเก็บตังค์เพื่อพาตัวเองออกนอกประเทศอีกครั้ง ตอนนี้เลยมาช่วยงานแปลพี่ชูใจไปก่อนเงินจะเต็มกระปุกให้ออกเดินทางงงงง
  • Illustrator:
  • Narit
  • เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง