รักตัวเอง

EP. 4/5 [ซีรีย์ภูเขาน้ำแข็ง]

รักนะ…ตัวเอง (I Love Me)


 

ตอนที่ 4 ของซีรีย์มีอะไรภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง จะพาเราขุดสำรวจหัวใจของตัวเองลึกลงไปเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีของเรากับ “ตัวเอง”  เพราะการจะมีความสุข และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดีนั้น เราจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับหัวใจของตัวเองให้ได้ก่อน สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อน ๆ สามารถติดตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้ >>> ซีรีย์มีอะไรภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง

 

 

“We must not allow other people’s limited perceptions to define us.”

Virginia Satir

“ เราไม่ควรปล่อยให้มุมมองความคิดอันจำกัดของคนอื่นมากำหนดความเป็นเรา”

 เวอร์จิเนียร์  ซาเทียร์

 

 

.

แรด มักมองโลกอย่างที่แรดเป็น!

.

คนเราก็มักมองและตัดสินโลกภายนอก จากโลกภายในของเรา…

.
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บางครั้งสิ่งที่คนอื่น คิด พูด และทำกับเรา ช่างมีอิทธิพลกับจิตใจของเรามากเสียจริง ๆ แต่เหตุการณ์เดียวกันถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่นอาจไม่ได้ส่งผลต่อเขาเท่ากับที่ส่งผลต่อเรา เพราะอะไรกันนะ?

 

แรดนักวาดรูป

 

มีเรื่องเล่าเรื่องนึงที่สอนใจได้เป็นอย่างดี  เรื่องมีอยู่ว่า  “ในดินแดนภูเขาน้ำแข็ง มีแรดตัวหนึ่ง เป็นแรดที่ชอบวาดรูปมากๆ มันเดินทางไปในที่ต่างๆ พร้อมแบกเอาขาตั้งวาดรูป กระดานแคนวาส พู่กัน สี อุปกรณ์ต่างๆไปด้วยทุกที่ และมันจะวาดภาพตามวิวสวย ๆ ที่เห็นอยู่ตรงหน้าอยู่เสมอ เจ้าแรดตัวนี้ทำแบบนี้วันแล้ววันเล่า จนมันมีรูปที่วาดเสร็จแล้วเก็บไว้กองโต”

 

รูปของเจ้าแรดเป็นรูปวิวจากสถานที่ต่าง ๆ ที่สวยงามทีเดียว แต่ละรูปมีลักษณะพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนอย่างหนึ่ง ก็คือ ทุก ๆ รูปที่มันวาดจะมีภูเขาสามเหลี่ยมแหลม ๆ อยู่ตรงกลางรูปทุกใบ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ไม่ว่าเจ้าแรดจะมองไปยังวิวที่ไหนก็ตาม เจ้าแรดจะเห็นภูเขาสามเหลี่ยมแหลม ๆ นี้อยู่ทุกที่

 

 

แรด การ์ตูน

 

จริง ๆ มันก็แค่วาดรูปตามสิ่งที่เห็น โดยมันไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ภูเขาสามเหลี่ยมแหลม ๆ ที่มันเห็นอยู่ในทุกที่นั้น ที่แท้ก็คือ “นอ”  ของตัวมันเอง

 

เจ้าแรดไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า วิวสวยๆในสถานที่จริง ไม่ได้มีภูเขาสามเหลี่ยมแหลมๆ ตั้งอยู่ เราเองหลายๆ ครั้งก็ไม่ได้ต่างกับเจ้าแรดเลย เรามักมองไปยังผู้อื่นหรือสถานการณ์ต่าง ๆ จากมุมมองตามที่ตัวเราเป็น และในขณะเดียวกันเราก็คงเคยถูกบางคนมองและเข้าใจเราผิดตามมุมมองที่เค้าเป็นเหมือนกัน

 

“นอ” ที่บดบังวิสัยทัศน์ของเจ้าแรด ก็คล้าย ๆ กันกับการที่เราใส่ “แว่นแตก”  เพราะเลนส์ที่ร้าวหรือแตกนั้นได้ทำให้การมองเห็นของเราผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

 

แม้ว่าเราทุกคนล้วนถูกสร้างมาอย่างดี แต่ระหว่างทางการเติบโต เรื่องราวร้าย ๆ ประสบการณ์แย่ ๆหลายอย่างที่เราเจอ ทำให้แว่นแห่งมุมมองของเรามีรอยร้าว รวมทั้งค่านิยมผิด ๆ ของโลกอีกหลายอย่างก็เพิ่มฟิลเตอร์ให้กับแว่นของเราด้วย นั่นทำให้ตัวเรามองหลาย ๆ อย่างผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึงการที่เรามองเห็นตัวเองผิดเพี้ยนไปด้วย  การเห็นและให้คุณค่ากับตัวเองที่ผิดเพี้ยนไปส่งผลให้สุขภาพใจไม่แข็งแรง และเมื่อสุขภาพใจไม่แข็งแรง ก็ส่งผลไปถึงความสามารถในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ และความสามารถในการตัดสินใจก็ส่งผลไปยัง คุณภาพของการใช้ชีวิต รวมถึงการกระทำที่แสดงออก ส่งผลเป็นลูกโซ่ ต่อๆ กันไปแบบนี้เลยล่ะ

 

การมีสุขภาพใจที่ดีเป็นองค์ประกอบหลักของคุณภาพชีวิตที่ดี และส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพใจที่ดี ก็คือการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง (ซึ่งหลายคนละเลยเรื่องนี้) เป็นสิ่งสำคัญมากที่เราจำเป็นจะต้องกลับไป เป็นเพื่อนกับตัวเอง เห็นคุณค่า ชื่นชม ยอมรับ ให้เกียรติตัวเราเอง และเชื่อมั่นว่า เราถูกสร้างมาอย่างดี เรามีความพิเศษอยู่ในตัวเอง

 

“ มันไม่ได้สำคัญว่า คนอื่นจะมองเรายังไง เพราะสิ่งที่คนอื่นมองมาที่เรามันไม่ได้เป็นสิ่งที่กำหนดคุณค่าความเป็นเรา แต่มันเป็นสิ่งที่แสดงออกให้เห็นว่าเขาเป็นยังไงจากแว่นตาแห่งมุมมองที่เขาใส่อยู่ต่างหากล่ะ

 

การยอมรับ ชื่นชม และเห็นคุณค่าในตัวเองไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรมีแต่เป็นสิ่งที่ต้องมี!

 

ผลไม้ดีย่อมมาจากต้นที่ดี …

 

มันธิว 7:17-18 บอกว่า “ดังนั้นแหละต้นไม้ดีทุกต้นย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว  ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้”

 

ฉันไม่ได้กำลังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อให้เราเอาเกณฑ์นี้ไปวัดหรือตัดสินคนอื่นว่าถ้าเค้าปฏิบัติแย่กับเราแสดงว่าเค้าเป็นคนไม่ดี แต่ฉันกำลังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เพื่อจะย้ำให้คุณได้มั่นใจว่า เราถูกสร้างมาอย่างดีแล้วจริงๆ  พระเจ้าทรงแสนดีและพระองค์ทรงสร้างเราตามพระลักษณะของพระองค์  พระองค์ทรงฤทธานุภาพ มีความสามารถในทุกเรื่องและพระองค์ก็ได้ให้ของประทานไว้ในตัวเราแล้ว ดังนั้นไม่มีทางเลยที่เราจะไม่มีสิ่งดีใด ๆ อยู่ในตัวเอง

 

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเรามีสิ่งดีอยู่ข้างในตัวเรามั้ย
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเรามองเห็นมันหรือเปล่า?”

 

เป็นเรื่องง่ายที่เราจะมองเห็นว่าคนนั้นมีดีอย่างนั้น คนนี้มีดีอย่างนี้ และลืมไปที่จะหันมามองและรับกับความจริงที่ว่า เราก็มีดีเหมือนกัน เพราะพระเจ้าได้ประทานสิ่งดีไว้ในตัวเราแล้ว

 

รักตัวเอง

 

ฉันอยากหนุนใจให้คุณลองกลับไป ใช้เวลากับตัวเอง มองลึกลงไปในตัวเอง ถ้าหากคุณยังไม่รู้หรือไม่มั่นใจว่า สิ่งดีที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในชีวิตของคุณนั้นคืออะไร ก็ขอให้คุณได้อธิษฐานกับพระเจ้าขอให้พระองค์เปิดเผยให้รู้ ใช้เวลาค้นหามันให้เจอ และถ้ารู้แล้วว่าอะไรเป็นสิ่งดีในตัวเอง ก็หนุนใจให้คุณยอมรับสิ่งดีนั้นอย่างเต็มใจ ไม่ต้องเคอะเขินที่จะพูดอย่างเต็มปากว่า …  “นี่แหล่ะข้อดีของฉัน และฉันชอบสิ่งนี้ในตัวเองมาก ๆ !”

 

หากเราเติบโตมาในสังคมที่ไม่ได้แสดงออกถึงการชื่นชมและพูดถึงสิ่งดีของกันและกันเท่าไหร่ มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะเคอะเขินอยู่บ้างเมื่อเราจะพูดถึงสิ่งดีของตัวเองอย่างเต็มปาก  แต่สำหรับอีกหลาย ๆ คนที่พอรู้อยู่บ้างแล้วว่าสิ่งดีอะไรที่พระเจ้าใส่ไว้ในตัวคุณ ฉันก็ขอหนุนใจให้ใช้เวลามองไปที่สิ่งดีนั้น แต่คราวนี้ขอให้มองมันให้ชัดขึ้น มองเห็นมันใหญ่ขึ้น  ใหญ่ขึ้นพอที่จะรู้ว่าคุณจะใช้สิ่งดีนั้นเพื่อตัวเอง เพื่อคนอื่น เพื่อสังคม และเพื่อแผ่นดินของพระเจ้าได้ยังไงบ้าง

 

 

รักตัวเอง ต้องให้เกียรติ ไม่เอาเปรียบและไม่หลอกตัวเอง 

 

ฉันไม่เคยจะรู้หัวใจตัวเอง
แล้วเมื่อไหร่จะตอบตัวเองได้ซักที…

(เพลง อยากรู้หัวใจตัวเอง)

 

ฉันเห็นว่า เมื่อเราเติบโตในสังคมที่เน้นปลูกฝังเรื่องการเสียสละมากกว่าการรักษาสิทธิ์ เน้นว่าการช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งดีมากกว่าการสร้างขอบเขตให้ตัวเอง และให้เสียงของคนส่วนใหญ่ดังและมีอิทธิพลมากกว่าเสียงข้างในจิตใจของแต่ละบุคคล เมื่อเป็นอย่างนี้การให้ความสำคัญกับการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองอาจถูกละเลยไป แต่การเก็บกด ไม่มั่นใจ สงสัยในตัวเองอาจถูกสั่งสมขึ้นแทน และทักษะการให้เกียรติ แสดงความรัก และรู้จักตรงไปตรงมากับตัวเองก็ไม่ค่อยถูกพูดถึงนักในสังคมบ้านเรา

 

การดำเนินชีวิตโดยไม่ได้ตรงไปตรงมา และไม่มีขอบเขตให้กับตัวเองมันแฝงไว้ด้วยปัญหามากกว่าที่เราคิด ทำให้เรามีท่าทีในการตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่สมดุล  และยังเป็นต้นตอของปัญหาความสัมพันธ์มากมายในชีวิตของเรา  แล้วถ้าเราใช้ชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่ค่อยให้เกียรติ ตรงไปตรงมา และแสดงความรักกับตัวเองเท่าไหร่ เราควรจะเริ่มจากจุดไหนดี?

 

เรื่องแบบนี้ฝึกฝนกันได้ค่ะ ลองเริ่มจากการทำความเข้าใจ หลักการ 15 ข้อนี้ที่ เวอร์จิเนีย ซาร์เทีย นักจิตบำบัดครอบครัว พูดไว้ถึงการแสดงออกความรัก และให้เกียรติตัวเองก็ได้นะ  ซึ่ง 15 ข้อนี้คือกุญแจสำคัญสู่การมีสุขภาพใจที่ดี

 

  1. ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเพียงเพราะมีใครบางคนไม่ชอบในสิ่งที่ฉันทำ สิ่งที่ฉันพูด หรือสิ่งที่ฉันรู้สึก (แต่สิ่งนั้นต้องไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะจ๊ะ)
  2. มันโอเค ที่ฉันจะรู้สึกโกรธและแสดงออกด้วยท่าทีที่เหมาะสม
  3. ฉันไม่ต้องคิดเอาเองว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมดของฉันในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่คนอื่นๆ ก็มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย
  4. ฉันมีสิทธิ์ที่จะพูดว่า “ฉันไม่รู้” (ไม่รู้ไม่ใช่ความผิด)
  5. ฉันมีสิทธิ์ที่จะพูดว่า “ไม่” โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
  6. ฉันมีสิทธิ์ที่จะพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจ” โดยไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองโง่
  7. ฉันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลเพื่อขอโทษเมื่อฉัน พูดว่า “ไม่” เมื่อปฏิเสธบางอย่าง
  8. ฉันมีสิทธิ์จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้
  9. เมื่อคนอื่นบังคับ หรือกดดันให้ฉันทำบางอย่าง ฉันสามารถปฏิเสธได้
  10. ฉันมีสิทธิ์สามารถบอกคนอื่นได้ เมื่อรู้สึกว่าเค้ากำลัง พยายามหลอกล่อ เอาเปรียบ หรือ ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกับฉัน
  11. เมื่อมีคนมาขอให้ฉันทำบางอย่างที่เกินความรับผิดชอบของฉัน ฉันสามารถปฏิเสธได้
  12. ฉันสามารถบอกคนอื่นได้อย่างสุภาพ เมื่อบางอย่างที่เค้าทำกับฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ
  13. ฉันสามารถยึดหลักแห่งความดีได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องประนีประนอม เพื่อให้ใครพอใจ
  14. ฉันอาจผิดพลาดได้เหมือนกัน และฉันเต็มใจรับผิดชอบต่อเรื่องที่ผิดพลาด
  15. ในทุกสิ่งที่ฉันทำ มันไม่จำเป็นเสมอไปที่ฉันจะต้องถูกชื่นชอบ ได้รับคำชม หรือ ได้รับเกียรติ จากทุกคน

 

สิ่งที่ ซาเทียร์ กล่าวไว้ นอกจากจะไม่ได้ขัดแย้งกับหลักการใดๆของพระเจ้าแล้ว ยังให้หลักการในภาคปฏิบัติที่ชัดเจน เป็นแนวทางให้เราสามารถหยิบเอาไปใช้ได้จริงในทุกๆวันเลยนะคะ

 

อย่างที่บอกไว้… เรื่องแบบนี้ฝึกฝนกันได้ และ เป็นสิ่งดีที่จะฝึกฝนในชีวิตจริง เพราะยิ่งถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ส่งผลให้เรามีท่าทีในการจัดการกับปัญหาความสัมพันธ์ หรือความขัดแย้งได้ดีขึ้นเท่านั้น เราอยากเห็นทุกคนมีชีวิตดีและมีความสุขนะ

 

เราใช้เวลาเพื่อสิ่งต่างๆ มากมาย แต่คนที่อยู่กับเราเสมอนอกจากพระเจ้าแล้วก็คือตัวเราเอง ขอหนุนใจให้ หันมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง ดูแลจิตใจภายในของเราให้สุขภาพดี แล้วชีวิตที่ดีที่อยากมีจะตามมาค่ะ เหมือนที่ในพระคำของพระเจ้าบอกไว้ว่า

 

จงรักษาใจของเจ้า ด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ” (สุภาษิต 4:4)

.

“ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจ ชอกช้ำทำให้กระดูกแห้ง” (สุภาษิต 22)

 


ชูใจทีมขอขอบคุณ ข้อมูลจาก พญ. สมรัก ชูวานิชวงศ์ การอบรม Satir model จัดโดย โรงเรียนคริสต์ศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์สวนพลูค่ะ 


Previous Next

  • Author:
  • Editor สาวเรียบเรียงหลายบทความในชูใจ เธอผู้มีภาษาละมุนละไม กระดุ้มกระดิ้ม และยังมุ่งมั่นรับใช้พระเจ้าและมีภาระใจในการทำงานด้านให้คำปรึกษากับวัยรุ่น เลยต้องดั้นด้นไปอยู่เมืองสิงโตพ่นน้ำเพื่อเรียนต่อด้านนี้!
  • Illustrator:
  • เฮียกิดไจ๋
  • หนุ่มน้อยไฟแรงผู้รับใช้ เป็นคนเจนวายสาย conservative อนุรักษ์มือถือแบบปุ่มกด ไม่นิยมการใช้โซเชียล ชื่นชอบการอบคุ้กกี้ ดูเตียบ่อกี้และละครนาคีกับที่บ้าน เชี่ยวชาญทางด้านกราฟฟิกและงานครัว นี่มัน! หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ เลยนี่นา!
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)