13 reasons why รีวิว

EP. 32

13 REASONS WHY : เหตุผลที่ทำให้คนเสียคน


บทความนี้ใช้เวลาอ่าน ประมาณ 10 นาที


.
เป็นธรรมดาที่โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ใจสลายและเจ็บปวดเพราะความสัมพันธ์
เราอาจเป็นหนึ่งในคนที่เจ็บปวดนั้น หรืออาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ใครต้องเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอเพราะเราล้วนเป็นมนุษย์ผู้กระทำความบาปและผิดพลาด แต่เราเลือกที่จะพูด ปฏิบัติ และตอบสนองต่อผู้คนหรือเหตุการณ์อย่างไร ?

 

13 Reasons Why เป็นซีรี่ส์โทรทัศน์อเมริกันในกระแสที่ออกอากาศทางช่อง Netflix ในปี 2017  จำนวน 13 ตอน โดยมีเนื้อหาอ้างอิงมาจากหนังสือนิยายวัยรุ่นชื่อเดียวกัน นำเสนอเรื่องราวของชีวิตนักเรียนวัยมัธยมปลายในประเด็นเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ ความแตกต่างระหว่างอายุ เพศ ชนชั้น และสถานภาพทางสังคม

 

 

เรื่องย่อ:

เคลย์ เจนเซน ได้รับกล่องปริศนาที่บรรจุเทปคาสเซ็ทจำนวน 13 ม้วน เมื่อเปิดฟังจึงพบว่าเป็นเทปของ ฮันนาห์ เบเคอร์ เพื่อนสาวที่เขาแอบรัก อัดไว้เพื่อเล่าถึง 13 เหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยเวียนส่งให้กับ 12 คน ผู้เป็นสาเหตุเหล่านั้น หากใครทำผิดกติกาโดยการไม่ส่งต่อเทปนี้ก็จะถูกเผยแพร่ไปให้คนทั่วโลกได้รับรู้ทันที

 

 

*ตัวซีรี่ส์มีเนื้อหารุนแรง ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมอายุต่ำกว่า 18 ปี

**บทความนี้เป็นการวิเคราะห์หลังดู จึงมีการเปิดเผยเนื้อหาของเรื่องเกือบทั้งหมด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทราบรายละเอียดของเรื่อง

 

_____________________________

 

ต่อไปนี้จะเป็นการกล่าวถึงประเด็นที่ผู้เขียนคิดว่าน่าสนใจ
จึงได้ทำการหยิบยกตัวละครและเนื้อหาบางส่วนในเรื่องมาวิเคราะห์โดยคร่าวในมุมมองแบบคริสเตียน

 

คำเท็จที่ไร้เสียง

 

13 reasons why เนื้อเรื่องย่อ

 

“จริง​ก็​จง​ว่า​จริง ไม่​ก็​ว่า​ไม่ คำ‍พูด​ที่​เกิน​กว่า​นี้​มา​จาก​ความ​ชั่ว” (มัทธิว 5:37)

 

จุดเริ่มต้นของจุดจบเกิดขึ้นจากภาพของฮันนาห์ที่จัสตินถ่ายไว้ในการเดทครั้งแรก (และครั้งเดียว) เขาเปิดภาพถ่ายให้เพื่อนๆ ดู ซึ่งความล่อแหลมชวนเข้าใจผิดของภาพทำให้เกิดความเข้าใจกันไปเองว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน (อาจเพราะอยากอวดเพื่อน ตัวจัสตินเองจึงไม่ปฏิเสธ) และสถานการณ์ก็เริ่มเลวร้ายเมื่อเพื่อนคนหนึ่งในนั้นส่งภาพต่อไปให้เพื่อนคนอื่นๆ ในโรงเรียน

แม้เขาจะไม่กล่าวคำเท็จ (หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่กล่าวอะไรเลย) แต่ก็เรียกได้ว่าท่าทีของจัสตินเป็นการโกหก ในบริบทนั้นการไม่ปฏิเสธของเขาถือเป็นการยอมรับโดยปริยาย ทุกคนเข้าใจเรื่องราวไปในทางเดียวกัน ทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้และไม่แก้ไขความเข้าใจเหล่านั้นให้ถูกต้อง เขากระทำการโกหกโดยใช้ความเงียบ ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิเสธ นั่นทำให้เขามีส่วนผิด เพราะมีเจตนาที่มุ่งให้คนอื่นเข้าใจผิด …บางครั้ง ความเงียบก็อาจเป็นการหลอกลวงในรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกัน

 

“พระ‍เยซู​ทรง​ทราบ​ความ​คิด​ของ​พวก‍เขา จึง​ตรัส​ว่า “ทำไม​พวก‍ท่าน​จึง​คิด​การ​ชั่ว​อยู่​ใน​ใจ?” (มัทธิว 9:4)

 

ในมุมมองของคริสเตียนแล้ว ถึงเราจะไม่โกหก ไม่พูด หรือแม้กระทั่งไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ความบาปของเราอาจเกิดขึ้นแล้วในใจ และที่สำคัญคือพระเจ้ารู้เสมอว่าเราคิดอะไร มีเจตนาอย่างไร (มัทธิว 9:4) ซึ่งแน่นอนว่าเจตนาในการโกหกหลอกลวงย่อมไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ดังนั้นการกล่าวคำเท็จเพียงในใจก็ไม่อาจปิดซ่อนความบาปที่เกิดขึ้นแล้วได้เลย

 

“เพราะพระ‍องค์​มิ‍ใช่​พระ‍เจ้า​ผู้​ปีติ‍ยินดี​ใน​ความ​อธรรม ความ​ชั่ว‍ร้าย​จะ​ไม่​อาศัย​อยู่​กับ​พระ‍องค์ คน‍โอ้‍อวด​จะ​ไม่​ยืน​อยู่​เฉพาะ​พระ‍เนตร​ของ​พระ‍องค์ พระ‍องค์​ทรง​เกลียด‍ชัง​ผู้​ทำ​ความ​ชั่ว​ทุก​คน พระ‍องค์​ทรง​ทำ‍ลาย​ผู้​ที่​พูด​มุสา พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง​สะอิด‍สะ‌เอียน​ผู้​กระ‌หาย​เลือด​และ​คน​หลอก‍ลวง” (สดุดี 5:4-6)

 

 

ปากที่ไม่ดีทำให้ความสัมพันธ์พังทลาย

 

 

คนตลบตะแลงแพร่การวิวาท และผู้ซุบซิบนินทาก็แยกเพื่อนสนิทออกจากกัน” (สุภาษิต 16:28)

 

ข่าวลือเรื่องฮันนาห์แพร่ไปทั้งโรงเรียน บ้างว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย บ้างว่าเป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งเรื่องเท็จเหล่านี้ทำให้เธอเสียเพื่อนไปถึง 3 คน ทั้งเจสสิก้าที่ปักใจเชื่อโดยไม่ถาม อเล็กซ์ที่ใช้เพื่อนสนิทอย่างฮันนาห์เป็นเครื่องมือในการคืนดีกับแฟนโดยกุเรื่องว่าแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ และคอร์ทนีย์ที่กลัวคนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยนเลยปล่อยข่าวลือเพื่อป้ายความผิดให้ฮันนาห์แทน

พระเจ้าเกลียดความอธรรม ซึ่งการนินทาและฟังคำนินทาก็เป็นหนึ่งในนั้น

“พวก‍เขา​เต็ม​ด้วย​การ​อธรรม​ทุก​ชนิด ความ​ชั่ว‍ร้าย ความ​โลภ ความ​มุ่ง‍ร้าย ความ​อิจฉา‍ริษยา การ​ฆ่า‍ฟัน การ​วิวาท การ​หลอก‍ลวง การ​คิด‍ร้าย พูด​นินทา ส่อ‍เสียด เกลียด‍ชัง​พระ‍เจ้า ดู‍ถูก​คน​อื่น เย่อ‍หยิ่ง‍จอง‌หอง อวด​ตัว คิด​ทำ‍ชั่ว​แปลกๆ ไม่​เชื่อ‍ฟัง​บิดา​มารดา ไร้​ปัญญา ไร้​ความ​ซื่อ‍สัตย์ ไร้​ความ​รัก​กัน ไร้​ความ​เมตตา แม้​เขา​จะ​รู้​บัญญัติ​อัน​ชอบ‍ธรรม​ของ​พระ‍เจ้า ที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็ไม่เพียงประพฤติเท่านั้น แต่ยังเห็นชอบกับคนอื่นที่ประพฤติเช่นนั้นด้วย” (โรม 1:29-32)

 

 

“ความบาป” ที่เราอาจเรียกมันว่า “ความรัก” หลายครั้งก็ก่อให้เกิดปัญหาและบาดแผล

 

 

ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าหลงผิดเลย พวกที่ล่วงประเวณี พวกไหว้รูปเคารพ พวกผิดผัวผิดเมีย พวกโสเภณีชาย พวกรักร่วมเพศ (1 โครินธ์ 6: 9)

 

มีข้อพระคัมภีร์มากมายที่กล่าวถึงการล่วงประเวณีในรูปแบบต่างๆ   ซีรี่ส์เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างที่หลากหลายในเรื่องของความผิดบาปทางเพศ ซึ่งหากอ้างอิงจากพระคัมภีร์แล้ว การกระทำที่นอกเหนือจากเพศสัมพันธ์หลังการสมรสของหญิงชายก็ล้วนมีความผิดทั้งนั้น และเราจะเห็นว่าความรักแบบผิดๆ มันสร้างบาดแผลได้มากแค่ไหน

ไบรซ์: ผิดบาปในการล่วงประเวณีบุคคลที่ไม่ยินยอมและไม่ได้เป็นคู่สมรสของตน
ไม่ว่าจะเป็นเจสสิก้าที่ในทางพฤตินัยแล้วเธอเป็นภรรยาของจัสตินหรือฮันนาห์สาวบริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ

จัสตินและเจสสิก้า: คู่รักวัยมัธยมที่ขาดความยับยั้งชั่งใจจนทำผิดบาปในการมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน (1 โครินธ์ 7: 8-9)

เคลย์: ผิดบาปในการมีใจกำหนัด เขามองฮันนาห์ด้วยใจไม่บริสุทธิ์ เพราะเขาใช้รูปภาพของเธอเป็นเครื่องมือในการสำเร็จความใคร่ แม้จะยังไม่กระทำการใดๆ ให้อีกฝ่ายเสื่อมเสียทางเนื้อหนังก็ผิดบาปทางใจ อย่างที่พระเยซูได้กล่าวไว้ว่า

ส่วนเราบอกพวกท่านว่า ใครมองผู้หญิงด้วยใจกำหนัดในหญิงนั้น คนนั้นได้ล่วงประเวณีในใจของเขากับหญิงนั้นแล้ว (มัทธิว 5: 28)

คอร์ทนีย์: ผิดบาปในการมีใจกำหนัดกับเพศเดียวกัน ดังเช่นที่เธอแสดงความต้องการที่จะสัมผัสฮันนาห์อย่างไม่สมควร ซึ่งผิดจากความต้องการของพระเจ้า จึงถือเป็นการไม่ชอบธรรม

 

 

เพิกเฉย = ทำร้าย ?

 

 

“เพราะ‍ฉะนั้น คน​ที่​รู้​ว่า​อะไร​เป็น​ความ​ดี​ที่​ต้อง​ทำ แต่​ไม่‍ได้​ทำ คน​นั้น​จึง​มี​บาป” (ยากอบ 4:17)

 

การที่ละเลยในสิ่งที่ควรทำก็เป็นบาปอย่างหนึ่งเช่นกัน มีสองตัวละครที่ผู้เขียนอยากกล่าวถึงในประเด็นนี้

เคลย์: ผู้ขี้ขลาด ที่รับรู้ถึงความทุกข์ใจของฮันนาห์มาเป็นระยะแต่ไม่มีความกล้าที่จะทำอะไรเลย ทั้งที่ตัวเขาเองก็อยากช่วย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเพิกเฉยต่อทุกสถานการณ์ จนสุดท้ายต้องมาจมกับความทุกข์เพราะเสียใจที่ตัวเองทิ้งโอกาสในการช่วยเหลือเธอไป

มิสเตอร์พอร์เตอร์: ครูที่ปรึกษาที่เพิกเฉยจากความใส่ใจ แม้ในขณะที่ฮันนาห์เข้าพบเพื่อส่งสัญญาณบอกถึงสถานการณ์ย่ำแย่ที่เธอต้องเผชิญหลังการถูกทำร้ายร่างกายและกล่าวถึงความคิดที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป การให้คำปรึกษาของมิสเตอร์พอร์เตอร์นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้วยังทำให้ฮันนาห์รู้สึกหมดหวังในชีวิตมากขึ้นไปอีก เพราะเขาเสนอเพียงสองทางเลือกคือ ถ้าไม่กล้าเผชิญหน้าดำเนินคดีกับผู้กระทำก็ลืมทุกอย่างและก้าวต่อไป ฮันนาห์จึงตัดสินใจก้าวต่อไปในแผนการฆ่าตัวตายของตัวเองทันที

 

 

ร่วมร้องไห้ไปกับผู้ที่ร้องไห้

 

 

แม้จะช้าจนไม่สามารถช่วยเป็นกำลังใจให้ฮันนาห์ในขณะมีชีวิตอยู่แต่เคลย์ก็ได้ร่วมเจ็บปวดไปกับฮันนาห์ผ่านเทปเหล่านั้น พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องนี้ ดังเช่นที่พระคัมภีร์เล่าถึงตอนที่ลาซารัสตาย พระเยซูก็ร่วมร้องไห้ไปกับมารธาและมารีย์ ทั้งที่พระองค์ไม่จำเป็นต้องร้องไห้ด้วยซ้ำเพราะในอีกไม่กี่นาทีพระองค์ก็จะทรงทำให้เขาฟื้นขึ้นมาและแม้เขาจะตายไปแล้วพระองค์ก็รู้ว่าเขาจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ แต่พระเจ้าของเราทรงเป็นแบบอย่างในการแสดงความรู้สึกและความรัก และหากฮันนาห์มีคนที่แสดงความรักต่อเธอหรือพร้อมจะอยู่เคียงข้างในช่วงเวลาย่ำแย่ ชีวิตของเธอคงจะไม่จบลงแบบนั้น

 

_____________________________

 

ทุกคนล้วนมีเหตุผลในการกระทำ และหลายคนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำส่งผลกับผู้อื่นยังไง เมื่อเรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนจบที่ค้างคาไว้ในช่วงการสืบสวนของศาลก็ทำให้ผู้เขียนฉุกคิดได้ว่า แม้สุดท้ายแล้วตัวละครจะไม่ยอมสารภาพ เรื่องไม่ไปถึงศาล และกฎหมายไม่อาจเอาผิดทางโรงเรียนได้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงเป็นบาดแผลที่ฝังเชื้อลงลึกอยู่ในใจของพวกเขา และไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอักเสบขึ้นมาเมื่อไหร่

ในมุมของความเป็นจริงก็ขอให้เราคริสเตียนพึงระลึกเสมอว่าการพิพากษาทางโลกเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น หากเชื่อว่าการพิพากษาของพระเจ้าจะมาถึงในภายภาคหน้า เพราะฉะนั้น แม้ความผิดพลาดในอดีตของเราจะไม่แสดงตัวออกมาเป็นรูปธรรมอย่างเทปเสียงในเรื่อง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่นึกถึงความผิดพลาดนั้นขึ้นมาได้ก็ขอให้รีบกระทำการยอมรับและกลับใจ อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงเรียกหาและให้โอกาสเราเพื่อกลับใจใหม่อยู่เสมอ ดังนั้น สารภาพบาปขอการอภัยจากพระองค์แล้วเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่ เพราะพระองค์เป็นทางเดียวที่จะช่วยรักษาบาดแผลที่ฝังเชื้อเหล่านั้นให้หายได้อย่างถาวร

 

 

ด้วยความรัก ความเชื่อ และชูใจ

 


ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน มีประเด็นน่าสนใจเมื่อไหร่เจอกันแน่น๊อนนนน ☺


Previous Next

  • Author:
  • เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
  • Author:
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)