คริสเตียนทำงานวันอาทิตย์ผิดไหม?

EP. 45

คริสเตียนทำงานวันอาทิตย์ผิดไหม?


บทความนี้เป็นบทความแปล และเรียบเรียงใหม่จาก
Jack Wellman  https://www.whatchristianswanttoknow.com/
และ Max Lucado  https://maxlucado.com/first-things-first/


 

คริสเตียนทำงานวันอาทิตย์ผิดไหม? 
คริสเตียนไม่ควรทำงานในวันสะบาโตใช่ไหม?
แล้วถ้าเราไม่มีทางเลือกล่ะ? ถือว่าเป็นความบาปหรือเปล่า?

 

การงานในวันอาทิตย์

ผมรู้จักกับคริสเตียนหลายคนที่ทำงานในวันอาทิตย์เพราะเขาไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงเข้าร่วมนมัสการในช่วงคืนวันเสาร์แทน หรือบางคนก็ได้แค่เรียนพระคัมภีร์ที่โบสถ์ในคืนวันพุธเท่านั้น หรือบางคนอาจเลือกไปเข้าร่วมนมัสการในคืนวันอาทิตย์ด้วย เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กำหนดเองไม่ได้ ทั้งคนที่เป็นคริสเตียนและไม่ใช่คริสเตียนบางคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำงานในวันอาทิตย์ ในเมื่อแต่ละคนมีความจำเป็นไม่เท่ากัน และบางคนอาจไม่มีงานให้เลือกมากนัก อันที่จริง ในฐานะศิษยาภิบาลและอาจพูดแทนศิษยาภิบาลท่านอื่นได้เลยว่า พวกเราเองก็ต้องทำงานทุกวันอาทิตย์เลย 

 

 

 

เราต่างไม่ได้รอดด้วยธรรมบัญญัติ

 

โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย
(กาลาเทีย 2:16)

 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ธรรมบัญญัติไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเรา พระเจ้าทรงรู้ดีว่าเราทำตามไม่ได้ จุดประสงค์ของธรรมบัญญัติคือเพื่อให้เห็นว่าเรามีบาปและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์หรือไร้ที่ติได้ พระเยซูคริสต์ได้รักษาธรรมบัญญัตินั้นไว้ได้อย่างครบถ้วนเพื่อเราแล้ว เพราะแค่บัญญัติสิบประการ เราก็ยังรักษาไม่ได้ทุกข้อเลยด้วยซ้ำ ผมขอบพระคุณพระเจ้าที่การรักษาและประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้นไม่ได้เป็นเงื่อนไขสำหรับความรอด เพราะไม่มีใครที่จะทำตามข้อกำหนดเหล่านั้นได้หมด เราทุกคนต่างก็ขาดจากพระสิริของพระเจ้า ไม่มีผู้ใดชอบธรรมในสายพระเนตรของพระองค์ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการพระผู้ช่วยให้รอด เพราะว่าพระเจ้าทรงทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” (2 โครินธ์ 5:21)

 

อย่ากล่าวโทษกันเพราะเรื่องของ ‘วัน’

 

“ส่วนคนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่นั้น จงรับเขาไว้ แต่มิใช่เพื่อให้โต้เถียงกันในเรื่องความเชื่อที่แตกต่างกันนั้น คนหนึ่งถือว่าจะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่คนที่มีความเชื่อน้อยก็กินแต่ผักเท่านั้น อย่าให้คนที่กินนั้นดูหมิ่นคนที่ไม่ได้กิน และอย่าให้คนที่มิได้กินกล่าวโทษคนที่ได้กิน เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดรับเขาไว้แล้ว… คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด คนที่ถือวันก็ถือเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่กินทุกสิ่งก็กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และคนที่ไม่กิน ก็ไม่กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และยังขอบพระคุณพระเจ้า เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง และเราไม่ได้ตายเพื่อตัวเอง ถ้าเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าเราตายก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า.” (โรม 14:1-8)

 

บางคนถือเอาเรื่องวันสะบาโตเป็นเหตุหาข้อบกพร่อง ตำหนิ และต่อว่าในผู้เชื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตักเตือนด้วยความรัก หรือยื่นมือช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหา ท่าทีแบบนี้ก็ไม่ได้เสริมสร้างและแก้ปัญหาอะไรได้เลย โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้เชื่อที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่ ดังนั้น เราต้องเข้าใจที่มาที่ไป พื้นเพปัญหา ความจำเป็นของชีวิตผู้เชื่อคนอื่นๆ ก่อนที่จะรีบไปตัดสินว่าการที่เขาต้องทำงานวันอาทิตย์นั้นผิดบาป แต่หาทางช่วยเหลือและหนุนใจซึ่งกันและกันดีกว่า ทั้งนี้ก็เพื่อถวายเกียรติองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

___________________________

 

หมายความว่าเราไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องพยายามเข้าสังคมคริสเตียน ไม่ต้องไปร่วมนมัสการวันอาทิตย์ที่โบสถ์อย่างนั้นหรือ? จากบทความ First Thing First ของ Max Lucado ก็พูดเอาไว้อย่างน่าคิด ในเรื่องของการทำให้สิ่งสำคัญเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ

 

การใช้เวลากับคนของพระเจ้าในวันแรกของสัปดาห์

 

จงระลึกถึงวันสะบาโตและถือเป็นวันบริสุทธิ์” (อพยพ 20:8)

 

ในพันธสัญญาเดิม วันสะบาโตคือวันเสาร์ สำหรับคริสเตียนเราให้วันอาทิตย์เป็นวันบริสุทธิ์ถึงแม้ว่าคริสเตียนจำนวนมากยังถือว่าวันสะบาโตคือวันเสาร์ก็ตาม  แต่สารที่พระเจ้าต้องการจะบอกเรา ที่สำคัญยิ่งกว่าการกำหนดให้มีวันสะบาโตคือ คือ ทรงมีพระประสงค์ให้เราเข้ามานมัสการพระองค์และพักผ่อน พระองค์จึงได้ตั้งวันแรกของสัปดาห์เป็นวันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติของคริสเตียนในยุคพันธสัญญาใหม่ (ดูใน กิจการ 20:7)

 

 

 

ดังนั้น หากเราใช้เวลาหกวันสำหรับการทำงานและสรรหาสิ่งต่างๆ และตั้งวันหนึ่งไว้สำหรับการฟื้นร่างกายและจิตวิญญาณ  หากเรามีเป้าหมายที่จะมอบวันแรก (หรือวันหนึ่ง) ของสัปดาห์ให้เป็นวันของพระเจ้า และเป็นเวลาที่ได้นมัสการร่วมกับคนของพระเจ้าแล้วละก็ นั่นสะท้อนถึงท่าทีแห่งการ…

  • วางใจพระเจ้าด้วยการหยุดพัก คุณตัดสินใจที่จะละความกังวลจากความจำเป็นต่างๆ ในโลก หยุดพึ่งกำลังและความสามารถของตัวเองในการทำงาน หรือไม่ได้หวังพึ่งเงินที่จะได้เพิ่มมาในวันนั้น ยอมจำนน เชื่อฟัง และต้องการรับฟังสิ่งที่พระเจ้าอาจจะตรัสกับคุณผ่านบทเพลงนมัสการ ผ่านเพื่อน ผ่านการอธิษฐาน หรือผ่านคำเทศนา
  • ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของพระเจ้า ด้วยการใช้เวลาเพื่อสามัคคีธรรม หนุนใจ และรับใช้ร่วมกับพี่น้องในคริสตจักร

 

มีเรื่องเล่าของเจ้าของฟาร์มในเท็กซัสตะวันออกที่ไปที่คริสตจักรเดิมมาเป็นศตวรรษ หลายปีให้หลัง ถึงแม้ตาเริ่มจะมองไม่เห็น หูจะเริ่มไม่ได้ยิน เขาก็นั่งอยู่ที่แถวหน้า มีวันหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ถามเขาว่า “คุณมองแทบจะไม่เห็น ฟังแทบจะไม่ได้ยิน ทำไมยังคงมาที่คริสตจักร?” เจ้าของฟาร์มผู้แก่เฒ่าได้ตอบเขาไปว่า

 

ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตัวฉันเองหรอกนะ แต่ฉันมาเพื่อเธอ

 

___________________________

 

ระวังว่าจะติดเป็นนิสัย!

การมาร่วมสามัคคีธรรมที่คริสตจักรนั้นยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการรักษาความเชื่อยังคงต้องการการสามัคคีธรรม แม้บางคนอาจมีตารางเวลาที่ไม่แน่นอนแต่เรายังคงสามารถจัดเวลาแสวงหาพระเจ้าได้ ดังเช่นที่ ฮีบรู 10:25 บอกว่า

 

“อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น…”

 

หัวใจหลักไม่ใช่การเช็คว่าใครมาใครขาด แต่คือเราจำเป็นต้องได้รับการหนุนใจ และได้รับฟังพระวจนะของพระเจ้าผ่านพี่น้องผู้เชื่อตัวเป็นๆ และหากเราจัดเวลาเข้ามาร่วมรายการที่คริสตจักรได้แล้ว ขอหนุนใจให้มาพบหน้ากัน คริสตจักรบางแห่งมีประชุมอธิษฐาน อธิษฐานตอนเช้า รายการระหว่างสัปดาห์ กลุ่มตามบ้าน หรือชั้นเรียนพระคัมภีร์ ปัญหาของจิตวิญญาณที่ห่างไกล และความเฉื่อยชาในความเชื่อนั้น อาจไม่ใช่การทำงานวันอาทิตย์ หากแต่เป็น นิสัย บางอย่างที่ทำให้เราปฏิเสธที่จะใช้เวลากับพระองค์ ทั้งนี้พระเจ้าเชิญชวนให้เราเข้ามาแสวงหาพระองค์และรอคอยที่จะมีความสัมพันธ์กับเราทุกวัน ไม่เพียงแค่วันอาทิตย์เท่านั้น

 

“จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้” (มัทธิว 6:33)

 

สรุป

  • การถือวันสะบาโต ไม่ใช่เรื่องที่เอามาตัดสินกัน หรือกล่าวโทษกันว่าบาปหรือไม่บาป เพราะไม่มีใครที่ดีพร้อมได้ตามธรรมบัญญัติ เราต่างรอดด้วยพระคุณเพราะความเชื่อ
  • สำหรับคนในคริสตจักรก็ควรหนุนใจให้พี่น้องที่ไม่สามารถมาร่วมนมัสการวันอาทิตย์มีทางออกด้วยการสนับสนุนส่งเสริมให้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างฝ่ายวิญญาณในเวลาอื่นแทน
  • คริสเตียนบางคนที่จำเป็นต้องทำงานวันอาทิตย์ ก็ไม่ผิด… แต่ใช้เป็นข้ออ้างก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะถ้าเราเหินห่างจากพระเจ้าจนเป็นนิสัย เราก็จะยิ่งห่างไกลพระองค์ไปเรื่อยๆ
  • คริสเตียนที่ต้องทำงานวันอาทิตย์ ต้องสำรวจในเรื่องของท่าทีกับพระเจ้าส่วนตัว และควรจัดเวลาอื่นเข้าเฝ้าพระเจ้า และเข้าร่วมการนมัสการกับพี่น้องเพื่อรับการเสริมสร้างซึ่งกันและกันสำรวจท่าทีตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า ที่ต้องทำงานวันอาทิตย์เพราะความจำเป็น หรือเพราะเราวางใจพระเจ้าไม่ได้?

 

 

ด้วยรักและพักใจ

.


 

บทความนี้อ้างอิงจาก

Jack Wellman, (2013). should christians work on sundays? a bible study [online]. October 4, 2017 From https://www.whatchristianswanttoknow.com/should-christians-work-on-sundays-a-bible-study/

Max Lucado , (2017). What Does The Bible Say About Horoscopes and Astrology? [online]. January 1, 2017  From https://maxlucado.com/first-things-first/

.


Previous Next

  • Translator:
  • Aui Wijitra
  • ผู้แปลอาสาฯ จากเมืองเจียงฮาย ผู้เชี่ยวชาญร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วเมืองเชียงรายและปริมณฑล และถึงแม้งานประจำจะล้นมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นผู้แปลให้ชูใจ โอ้ย ขอมงให้นางด้วยค่ะ!
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Rungwit K.
  • คุณพ่อตาขีดเดียวของลูกชายวัยซน แต่ถึงจะเป็นพ่อคนก็ยังห่วงใยเยาวชนอยู่นะจ๊ะ เลยมาอาสารับใช้ร่วมกับชูใจไง
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)