EP.21

ชีวิตใหม่ (ในวันที่ฉันมีพระเจ้า)


ต้นเรื่อง: Best


พอต้องย้อนเล่าถึงเมื่อก่อน ในตอนที่ฉันยังไม่ได้พบกับพระเจ้าจึงได้เห็นพระคุณของพระองค์ที่สำแดงชัดในชีวิตของฉัน และเรื่องราวเหล่านี้แหละจะคอยย้ำเตือนไปอีกนานแสนนานว่าชีวิตที่ไม่มีพระเจ้าเป็นอย่างไร

 

____________________

 

ฉันไม่ได้เกิดในครอบครัวคริสเตียน… ที่เริ่มต้นอย่างนี้เพราะตั้งใจจะบอกว่าตัวเองไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องพระเจ้ามาก่อนเลย เรีียกได้ว่าไม่รู้จัก และนี่เองที่ทำให้ฉันใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างคนหลงทาง

 

คาดหวังกับคนบนโลก วิ่งตามค่านิยมของโลก และมีเป้าหมายชีวิตอยู่ในโลก

 

วัยเด็กของฉันมีถิ่นฐานดั้งเดิมทั้งแพร่ และลำปาง ย้ายไปอยู่กับพ่อแม่บ้าง กับน้าบ้าง สาเหตุแรกที่ย้ายเป็นเพราะกิจการของครอบครัว แต่สาเหตุหลังๆ มาเป็นเพราะฉันเกเร ทั้งหนีเรียน หนีออกจากบ้าน จนสุดท้ายพ่อแม่ต้องจับมัดมือเท้าพาขึ้นรถกระบะพร้อมจัดแจงหาคนมาเฝ้าไม่ให้หนีเพื่อส่งตัวให้น้าดูแลต่อ

 

ที่บ้านเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็พอจะเดากันได้แล้วใช่ไหมคะว่าฉันสร้างวีรกรรมไว้เยอะแค่ไหน

นี่แหละ ชีวิตที่ไม่แสวงหาพระเจ้า

 

หลังจบ ม.ปลาย ฉันก็ย้ายตัวเองไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ดั้นด้นเรียนจนจบแล้วก็เริ่มเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว ช่วงนั้นแหละที่เมื่อมองย้อนกลับไปกี่ครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองผ่านอะไรมาเยอะเหลือเกิน

 

ฉันแต่งงานไปแล้ว 2 ครั้ง มีลูกแล้ว 2 คน ผ่านความสำเร็จและล้มเหลวมามากทั้งในชีวิตครอบครัวและหน้าที่การงาน วัยสาวเปลี่ยนผ่านจากจุดที่สูงสุดไปสู่ต่ำสุดกลับไปกลับมา ทั้งมีเงินนอนบัญชีหลายล้าน ทั้งถูกฟ้องล้มละลายจนไม่มีอะไรติดตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฉันวิ่งตามโลกเพื่อเป้าหมายบนโลกนี่แหละ ชีวิตของคนที่ไม่มีพระเจ้า

 

ผลของการดิ้นรนในแวดวงธุรกิจทำให้ฉันพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้งด้วยความสิ้นหวังในการมีชีวิตอยู่ ก่อนจะลงท้ายด้วยโรคซึมเศร้า ต้องนอนโรงพยาบาลครั้งละนานๆ นี่แหละ ชีวิตที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า

 

____________________

 

นิสัยกล้าได้กล้าเสียทำให้ฉันเริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้ง และกำลังพบเจอกับปัญหามากมาย ความเครียดสะสมเข้าอีกจนมีแนวโน้มว่าจะจมดิ่งไปกับโรคซึมเศร้า ตอนนั้นเองที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่รู้จักพาฉันไปโบสถ์ และแนะนำให้ฉันเริ่มอธิษฐานกับพระเจ้า

 

ช่วงแรกฉันอธิษฐานเฉพาะตอนที่รู้สึกว่าต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย แต่ไม่ได้อธิษฐานกับพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นนะ อะไรที่เขาว่ากันว่าดี ว่าได้ ไปขอมาหมด ด้วยความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะให้ธุรกิจเกิดผล ฉันจึงตระเวนขอกระทั่งผีเจ้าที่ยันพระอินทร์

 

ผ่านไป 2 ปี ธุรกิจเกิดผลกำไร เดินหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไร้ภาระหนี้สินและกำลังจะได้ปันผลกำไรในอีกไม่ช้า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันเดินสายตามแก้บนต่ออะไรทั้งหลายที่ไปขอไว้ (ส่วนพระเจ้าน่ะเหรอ ฉันลืมไปนานแล้ว) จนผ่านไปอีกสักระยะ จู่ๆ โรคซึมเศร้าก็ทำให้ฉันต้องกลับไปพึ่งหมอกับยา และนั่นเองที่ีทำให้หุ้นส่วนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทครอบงำฉันหนักขึ้น เริ่มออกความเห็นในธุรกิจนี้ไม่ได้ จนไปถึงจุดแตกหักที่ฉันโดนบีบให้ออกจากบอร์ดบริหาร ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ความคาดหวังกับคนบนโลกทำให้ฉันต้องอึ้ง นอกจากเพื่อนสนิทที่ฝ่าฟันเริ่มธุรกิจนี้มาด้วยกันจะร่วมมือโกงแล้ว ยังเดินหน้าทำลายฉันให้ไม่มีที่ยืนในสังคม

 

ไม่มีที่พัก ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีใครคบ ชื่อเสียงเสียหาย พระเจ้าทำงานกับฉันทันทีท่ามกลางสถานการสถานการณ์อย่างนี้ ในขณะที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลืออะไรแล้ว พระองค์ได้หยิบยื่นความหวังมาให้ผ่านทางน้องคนหนึ่ง ซึ่งผู้ใหญ่ที่เคยพาฉันไปโบสถ์เป็นคนแนะนำให้รู้จัก

 

วันแรกที่รู้จักกันน้องเขาก็ลากฉันไปเรียนพระคัมภีร์ที่โบสถ์ และเช้าวันอาทิตย์ถัดมาที่ตามไปโบสถ์แห่งนี้อีกครั้งเพื่อนมัสการนี่แหละที่เปลี่ยนชีวิตของฉัน เพลงนมัสการที่พี่น้องร่วมกันขับร้องฉุดรั้งใจฉันขึ้นมา รวมทั้งคำเทศนาจากสมาชิกในวันนั้นได้แตะสัมผัสใจของฉันเข้าเต็มๆ จนรู้สึกว่า บางทีฉันอาจพบบ้านของฉันแล้ว ความหวังเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้หวังกับคนหรือสิ่งของบนโลก แต่เป็นความหวังที่อยากจะให้พระเจ้าเปิดประตูรับฉันเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนี้

 

และแน่นอนว่าพระองค์ได้เปิดประตูให้ทันทีที่ฉันเคาะ

 

จากวันนั้น ฉันก็ตั้งต้นอ่านพระคัมภีร์ด้วยตัวเอง ไปร่วมชั้นเรียนกับคนในโบสถ์ ฟังเพลงนมัสการทุกเช้า และไม่ลืมที่จะอธิษฐานกับพระเจ้าทุกครั้งที่นึกขึ้นมาได้ และในที่สุดฉันก็ได้รับชีวิตใหม่อีกครั้งด้วยการรับบัพติสมาที่โบสถ์แห่งนั้นนั่นเอง

 

“เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว
สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
(2โครินธ์ 5:17)

 

พระเจ้าทรงสร้างฉันขึ้นใหม่ และจิตใจที่โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีนี้ส่งผลให้คนรอบข้างต่างพากันบอกว่าฉันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น น่าอยู่ใกล้มากขึ้น และดูมีความสุขมากขึ้น ทั้งนี้อาจเพราะความคาดหวัง ค่านิยม และเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของฉันในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง จากสิ่งไม่จีรังยั่งยืนบนโลกถูกแทนที่ด้วยรักมั่นคงจากพระเจ้ากับชีวิตนิรันดร์ที่พระองค์ได้มอบให้

 

รวมไปถึงการทำงานของพระเจ้าที่ทันเวลาเสมอ ฉันได้งานใหม่ และที่พักพิงใหม่ในเวลาต่อมา สายสัมพันธ์ในครอบครัวเดิมของตัวเองก็แนบแน่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (จนแม่ฉันยังต้องขอบคุณพระเจ้าไปด้วยเลย) ที่สำคัญคือพระองค์มอบพี่น้องที่โบสถ์เป็นครอบครัวใหม่ให้กับฉัน น่ายินดีที่ฉันไม่รู้สึกขาดแคลนอะไรเลย ถึงตอนนี้ฉันก็เชื่อว่าพระองค์ยังทำงานกับชีวิตของฉันอย่างต่อเนื่อง ค่อยดูแลแก้ไขกันไปทีละอย่าง

 

เมื่อได้มองย้อนก็เห็นแล้วว่าพระองค์ให้มากกว่าที่ฉันทูลขอเสมอ เรื่องราวที่ผ่านมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนงานของพระองค์ หากต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อเจ็บปวดอีกครั้งฉันก็ยอม เพื่อว่าท้ายที่สุดฉันจะได้พบกับพระองค์ ผู้ให้ชีวิตที่แท้จริง

 

ขอแค่ได้มีพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ฉันก็ไม่หวาดกลัวอะไรอีกแล้ว

นี่แหละ ชีวิตที่มีพระเจ้า


#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป ( <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://www.choojaiproject.org/choojai-forward/ )


Previous Next

  • Author:
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน