EP.40

โอเคไหมถ้าเลิกคบเพื่อน?


ผู้เขียน: EDDIEKAUFHOLZ

ที่มา: https://relevantmagazine.com/life/when-it-ok-end-friendshiphttps://www.ucg.org/vertical-thought/ending-a-friendship


 

ถาม

 

สวัสดีครับ

 

ผมมีคำถามว่า ในฐานะคริสเตียนเราสามารถตัดเพื่อนได้ไหมครับ?
หรือเราต้องยอมอดทนรักเขาอย่างนั้นเหมือนกับพระคริสต์ที่รักแบบไม่มีเงื่อนไขและยอมเสียสละเพื่อเราครับ?

 

ขอบคุณมากครับผม

คอลิน

 

______________________

ตอบ

 

สวัสดีครับ คอลิน ขอบคุณมากสำหรับคำถามดีๆ แบบนี้  เรื่องมิตรภาพนี่พูดยากอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะถึงความรับผิดชอบจะไม่หนักหนาเท่าการแต่งงาน แต่ก็มีส่วนเสริมสร้างตัวตนเราอยู่พอสมควรเลยล่ะ ดังนั้นการรู้ว่าเพื่อนที่ดีเค้าเป็นกันอย่างไรนั้นสำคัญมาก แม้นั่นอาจหมายถึงการหยุดความสัมพันธ์ก็ตาม

 

หลายครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากพวกเพื่อนของคุณหรอก แต่เกิดจากขอบเขตที่เราเป็นคนกำหนดไว้ให้ตัวเองต่างหาก

 

คำว่าขอบเขตเป็นคำเฉพาะที่เริ่มใช้ในกลุ่มนักให้คำปรึกษา จนกลายมาเป็นคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว

เราทุกคนล้วนมีขอบเขตเป็นของตัวเอง เขตแดนที่บอกว่านี่ฉันนะและนี่ไม่ใช่ฉัน”  คือเส้นที่แสดงว่าส่วนของฉันอยู่ตรงไหน ส่วนของคนอื่นเริ่มจากตรงไหน ขอบเขตนั้นให้ความรู้สึกว่าชีวิตเป็นของเรา (จากหนังสือวางขอบเขต”  ควบคุมชีวิตตัวเองด้วยการรู้จักรับและปฏิเสธ Boundaries: When to Say Yes, How to Say No to Take Control of Your Life หนังสือที่คุณคู่ควร!)

 

โดยทั่วไปแล้ว การที่เราต้องมานั่งคิดว่าจะเลิกคบเพื่อนซักคนมักเกิดจากการที่เราบังเอิญยอมให้เค้าเข้ามาในเขตหวงห้ามของเรา หรือไม่เราก็พยายามสุดแรงที่จะสร้างกำแพงป้องกันเอาไว้ แต่อีกคนก็ไม่ลดละความพยายามที่จะพังเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราสูญเสียการควบคุมในชีวิตไป

 

ที่จริงแล้วก็เป็นไปได้หลายอย่างอยู่นะครับ  บางทีเพื่อนคนนั้นอาจเรียกร้องมากเกินไป หรือไม่เค้าก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีซักเท่าไหร่ ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนโจมตีทางอารมณ์ตลอดเวลา  หรือเพื่อนอาจดีไม่มีที่ติแต่เราดันได้รับอิทธิพลที่เราไม่อยากได้จากเค้า แล้วต่อมคุณธรรมของเราก็ถูกสะกิดขึ้นมาซะนี่ ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งไม่พึงประสงค์อยู่ในความสัมพันธ์นี้และเราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง

 

แต่เราควรจะเปลี่ยนตรงไหนดีล่ะ

 

ทางเลือกที่ 1: คุณต้องเปลี่ยน

 

คอลินครับ ในขณะที่น้องกำลังคิดถึงเรื่องราวของเพื่อนที่น้องอยากจะทิ้งเขาไว้กลางทางคนนี้ น้องเองก็ต้องไม่ลืมที่จะทบทวนตัวเองด้วยนะครับว่า

 

ปัญหากับเพื่อนครั้งนี้มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือว่าตัวเราที่เป็นจอมมโน จอมจับผิด และเจ้าอารมณ์มากไปเอง?”

 

ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่เด็กมาผมมีประสบการณ์หลายอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าพอสำหรับเวลาของคนอื่น พอโตขึ้นขอบเขตเรื่องเวลาของผมก็เลยค่อนข้างบิดเบี้ยวไปมากซักหน่อย เช่น เวลาที่คนอื่นไม่เคารพผม (ก็ตามที่ผมคิดอ่ะนะ) ไม่ว่าจะด้วยการเรียกร้องเวลามากเกินไป ไม่มาตามนัด หรือว่ามาสายก็ตาม ผมจะรู้สึกเสียใจรุนแรง ในขณะที่ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะแค่เซ็ง  นั่นก็เพราะผมขีดเส้นขอบเขตในเรื่องนี้ต่างจากคนอื่นไปมากนั่นเอง

 

บางทีขอบเขตของเราต่อเรื่องบางเรื่องเป็นแผลมาจากเหตุการณ์ในอดีต และเมื่อเวลาผ่านไป เราจึงต้องรู้จักปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นบ้างเพื่อให้โอกาสคนอื่นได้รักเราด้วย คำถามของผมก็คือ เมื่อน้องคิดที่จะเลิกคบเพื่อนคนนี้ น้องได้ทบทวนตัวเองแล้วหรือยัง?

 

บางคนเลิกคบเพื่อนเพียงเพราะเพื่อนพูดวิพากษ์วิจารณ์หรือตำหนิเรา แต่เพื่อนที่ดีและสัตย์ซื่อนั้นคือเพื่อนที่พร้อมจะตักเตือนเราหากเราทำตัวไม่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนเราที่จะมีนิสัยไม่ดีโผล่ออกมาเวลาที่เราอยู่กับคนใกล้ตัวอยู่แล้ว ในพระคัมภีร์ก็บอกว่า

 

ว่ากันต่อหน้า ดีกว่ารักกันลับๆ บาดแผลที่มิตรทำก็สุจริต แต่การจูบของศัตรูนั้นมากเกินความจริง
สุภาษิต 27:5-6

 

ดังนั้นอย่าเลิกคบเพื่อนเพียงเพราะเขาตักเตือนเรา น้องอาจจะกำลังเสียเพื่อนที่ดีไปถ้าเป็นอย่างนั้น ซึ่งไม่แน่ว่าน้องก็อาจจะสลับบทบาทกับเพื่อนก็ได้ในอนาคต อาจจะมีเวลาที่น้องต้องตักเตือนเพื่อนด้วยเช่นกัน เมื่อนั้นขอให้น้องเป็นเพื่อนที่ดีและสัตย์ซื่อที่จะคอยหนุนใจและตักเตือนให้เพื่อนมีชีวิตที่ดีและเป็นแบบอย่างด้วยเช่นกันนะครับ

 

เหล็กลับเหล็กได้ คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนได้
สุภาษิต 27:17

 

ทางเลือกที่ 2: เพื่อนคงต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ

 

ปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากน้องแต่เกิดจากเพื่อนก็เป็นได้ เพื่อนน้องอาจมีความอ่อนแอบางอย่าง (ที่ทุกคนก็มี) ซึ่งเค้าอาจกำลังจัดการมัน หรืออาจไม่รู้ว่าเป็นปัญหา หรือยังไม่สนใจที่จะแก้ก็เป็นได้ แต่ยังไงซะ สิ่งที่เขาเป็นก็ส่งผลกระทบต่อเขาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีความหมายกับคนอื่นๆ

 

ถ้าเป็นจริงอย่างที่ผมว่าล่ะก็ เราต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถไปเปลี่ยนใครได้นะครับ  แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะจบปัญหาหรือช่วยเขาต่อ  นอกจากนี้เราจะต้องถามตัวเองด้วยว่า เค้าล้ำเส้นในเรื่องไหนของเรา และถ้าเราเลือกที่จะช่วยเค้า ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าตัวเราเองมีความอดทนอดกลั้นมากพอหรือไม่ ที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้เค้าล้ำเส้นอีก

 

หรือ….

 

ถ้าเพื่อนน้องทำสิ่งที่ผิดศีลธรรม ผิดกฏหมาย แล้วน้องไม่เห็นด้วย เช่น เพื่อนให้น้องช่วยโกหกเพื่อหนีความผิด เพื่อนเจ้าชู้และชอบหลอกผู้หญิงไปทั่ว หรือเพื่อนแอบเสพยา และหากว่าน้องแสดงความไม่เห็นด้วยแล้วแต่เพื่อนก็ไม่เลิก ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าน้องจะเลิกคบกับเพื่อนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเลยนะครับ กลับยิ่งเป็นประโยชน์และปลอดภัยกับตัวเองซะอีก เพราะในพระคัมภีร์ก็บอกว่า

 

อย่าหลงเลยการคบคนชั่วย่อมเสียนิสัย
1
โครินธ์ 15:33

 

บุคคลที่เดินกับปราชญ์ ก็กลายเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะรับภยันตราย
สุภาษิต 13:20

 

 

หากไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม และเพื่อนไม่ยอมเปลี่ยน (แม้เคยพูดคุยกันไปแล้ว) และน้องรู้สึกไม่อยากรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนไว้อีกต่อไป….

 

  • เว้นระยะห่างสักพักใหญ่ๆ เพื่อให้เราได้คิดทบทวนและอธิษฐานดูสักหน่อย ให้ความรู้สึกค่อยๆ จางหายแล้วค่อยตัดสินใจใหม่อีกที เพราะเวลาอารมณ์พลุ่งพล่านเราก็มักจะตัดสินใจในสิ่งที่จะทำให้เราเสียใจภายหลังได้
  • ถ้าเว้นระยะห่างแล้วยังตัดสินใจที่จะเลิกคบเพื่อนคนนั้นอยู่ ให้ถามตัวเองว่า เราไม่คบเขาแบบเพื่อนเหมือนเดิมแต่เราให้อภัยเขาได้ใช่ไหม? ให้อภัยคือไม่เก็บเป็นความขมขื่นในใจอีกต่อไป พบปะพูดคุยได้ ไม่ดราม่า ไม่ถือโทษและไม่เอาเรื่องเขาไปนินทาลับหลัง

 

มิตรภาพที่ล้มเหลวอาจมาจากบาดแผลส่วนลึกของตัวเอง หรือปัญหาจากอีกฝ่าย และการไม่ยอมเปลี่ยนแปลง  หรืออาจเป็นเพราะทั้งสองอย่างเลยก็ได้  แต่ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร เราล้วนแต่ถูกเรียกเพื่อให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อภัยต่อกัน เพราะคุณลักษณะเหล่านี้แหละที่จะทำให้เราสำแดงความรักแบบพระเยซูคริสต์ ซึ่งไม่เหมือนกับโลกนี้

 

จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน
โคโลสี 3:13

 

ไม่มีมิตรภาพหรือความสัมพันธ์ที่ยาวนานอันไหนที่ไม่ผ่านจุดวัดใจนี้ไปได้หรอกนะครับ แต่เมื่อผ่านไปได้น้องจะเห็นความงดงามของมิตรภาพที่ชัดเจนมากขึ้นผ่านการให้อภัยที่มากมายในอดีตครับ

 

สู้ๆ นะครับ

Eddie


<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคารสีชมพูววว์ หรือ ใครที่มีเรื่องความรักแน่นอก อยากให้พี่ชูใจช่วยยกออก ก็ Inbox เข้ามาได้จ้า <3


Previous Next

  • Translator:
  • Nava
  • หนึ่งในทีมผู้แปลชูใจ ผู้สืบทอดกิจการสายไหมของครอบครัว จบศึกษาอิงค์ แต่ไม่ได้อยากเป็นครูในระบบ มีความมุ่งมั่นที่จะตามหาฝันไปไกลถึงเมืองที่มีแกะมากกว่าประชากรในประเทศ
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • W. Wanee
  • นักแปลสาวสวยเสียงทอง ผู้ซึ่งอยากรับใช้พระเจ้าด้วยความสามารถด้านภาษาของเธอ งานใดที่ให้เธอรับผิดชอบ ไม่มีพลาดแน่นอน!