เด็กมีปัญหา (me & another me)

บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
อ่านตอนอื่นๆ ของซีรีส์นี้ได้ทาง : https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/me-and-another-me/


 

***เรื่องราวในตอนนี้เกิดขึ้นก่อนที่ผู้เขียนจะรู้จักกับพระเจ้า
การบรรยายความคิดและความรู้สึกเป็นไปตามสถานการณ์ของผู้เขียนที่กำลังเผชิญขณะนั้น***

 

 

ฤดูร้อน, 2555

 

ครูสอนสุขศึกษาเคยบอกไว้ว่าจิตใจและร่างกายส่งผลต่อกัน ถ้าอย่างหนึ่งเกิดปัญหาก็อาจกระทบกับอีกอย่าง อันที่จริงนี่เป็นเรื่องพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ และมีปรากฏในแบบเรียนไทยมาตั้งแต่ประถมวัย แต่สถานการณ์จริงคือทุกคนเหมือนจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปเสียแล้ว

 

ทันทีที่ใบรับรองแพทย์ถูกวางประจำบนโต๊ะครูเพื่อให้ผู้สอนแต่ละคาบได้รับทั่วถึงกันฉันก็กลายเป็น “เด็กมีปัญหา”

 

ฉันเข้าใจ การเข้าพบจิตแพทย์ในตอนนี้ไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย หรืออย่างน้อยก็ในโรงเรียนแห่งนี้ กฎเดิมๆ ของโรงเรียนที่ฉันไม่สนใจฟังมาแต่ไหนแต่ไรถูกเชื่อมโยงให้เป็นอาการของเด็กมีปัญหาจนกลายเป็นที่จับตามองของบรรดาครู ที่เลวร้ายคือบางคนเห็นเป็นเรื่องตลกจนพูดแซวหน้าห้องว่าฉันเป็นบ้า ยังดีที่มีเพื่อนเข้าอกเข้าใจและมองข้ามเรื่องนี้ ทำให้ฉันคิดน้อยลงได้บ้าง

 

เวลาเข้าเรียนที่น้อยลงทุกวันเพราะสาเหตุไม่ยอมตื่นของฉันควรจะถึงหูผู้ปกครองหากแต่ครูเกือบทุกคนก็ทราบดีว่าไม่มีใครให้ติดต่อไป ดังนั้นการไปเรียนครึ่งวันและการหายตัวไประหว่างคาบของฉันจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาตราบเท่าที่ผลการเรียนยังอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม และมีผลงานด้านกิจกรรมอยู่อย่างต่อเนื่อง

 

สิ่งเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของฉัน ที่จะไปสายก็ได้ หรือจะไม่นั่งอยู่เรียนก็ได้ แต่ต้องทำทุกอย่างให้ดี และไม่ใช่แค่เท่าเดิม แต่ต้องมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อฝังกลบจุดด้อยที่ใครต่อใครต่างเพ่งเล็ง

 

_______________________

 

โรคซึมเศร้า

 

หน้าที่ล่าสุดที่ได้รับมอบหมายในฐานะสมาชิกสภานักเรียนคือเป็นตัวแทนกล่าวในวันไหว้ครู ฉันมองว่ามันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ การพูดต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนในหอประชุมทำให้ฉันตั้งใจพูดซ้อมซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อไม่ให้พลาดหรือตะกุกตะกักแม้แต่คำเดียว

 

จนถึงวันนี้ที่เป็นวันจริง

 

เปียสองข้างที่เพื่อนถักให้เรียบร้อยต่างจากวันอื่นๆ เนกไทผูกติดกระดุมบนอย่างถูกระเบียบ กระโปรงสีน้ำเงินรีดเรียบอย่างตั้งใจ ขนาดถุงเท้ายังพับสองทบ

 

ฉันปรับไมโครโฟนให้แหงนลงต่ำหลังตัวแทนผู้ชายร่างใหญ่กล่าวปฏิญาณตนเสร็จ ภายในห้องประชุมเงียบอื้อจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ ขณะที่ฉันกำลังเริ่มต้นพูดถึงความหมายของวันไหว้ครู

 

แท่นของตัวแทนตั้งอยู่ตรงกลางหน้าเก้าอี้ของนักเรียนทั้งหมดตำแหน่งล่างเวที ตามที่ซ้อมกันมา ฉันที่กำลังพูดอยู่ต้องเงยหน้าพร้อมกวาดสายตามองครูหลายสิบคนที่นั่งอยู่บนเวที

 

ซึ่งฉันก็ทำอย่างที่ซ้อมมานั่นแหละ… แต่นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่

 

คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าตัวเองเป็นเด็กกิจกรรม ผ่านงานพิธีกรมาแล้วหลายเวที ทั้งพูดแบบมีสคริปต์และไม่มีก็ผ่านมาได้ด้วยดี จนกระทั่งวันนี้ ในช่วงเวลาที่จิตใจไม่อาจเรียกได้ว่าปกตินักทำลายทุกอย่างให้พังไม่เป็นท่า

 

ฉันพักจังหวะพูดก่อนจะเงยมองใบหน้าของแต่ละบุคคลที่นั่งอยู่บนเวที สายตานับสิบที่จ้องกลับมาไม่ใช่แววตาแห่งความชื่นชมยินดี และพวกเขาเหล่านั้นเริ่มหันไปพูดคุยกัน คิ้วขมวดมุ่นของพวกเขาทำให้เสียงที่พูดต่อของฉันค่อยๆ สั่นไหวจนเหมือนกำลังร้องไห้ ทันใดนั้นก็มีเสียงพึมพำขึ้น บ้างว่าให้ออกไป บ้างว่าฉันไม่สมควรยืนอยู่ตรงนี้ บ้างว่าเกลียด บ้างว่าน่าหนักใจ บ้างก่นด่า และยังมีอีกหลายคำที่ทับซ้อนจนฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้น ดังขึ้น

 

กะพริบตาแรงๆ หนึ่งครั้ง
เป็นไปไม่ได้ที่เสียงกระซิบกระซาบบนเวทีจะดังมาถึงข้างล่าง

.

จนรู้สึกตัวว่าควรจะพูดต่อ จึงบอกกับตัวเองว่าเสียงเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง
ทว่า ความเงียบในห้องประชุมเวลานั้นลั่นอึกทึกอยู่ในหัว
เสียงกล่าวโทษไม่ได้จางหาย ซ้ำกลับดังและถี่ขึ้นจนแทบจะยืนต่อไม่ไหว

 

ฉันที่ยืนอยู่ตรงนั้นบอกตัวเองพลางกุมมือแน่นแล้วพูดถึงความหมายของดอกไม้ในพาน ทั้งข้าวตอกตามด้วยดอกหญ้า บังคับอาการสั่นทั้งเสียงและมือให้อยู่ในจังหวะเรียบนิ่ง แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งแย่ ลมหายใจค่อยๆ ขาดห้วงจนรู้ตัวอีกทีก็ชาไปทั้งศีรษะ และล้มลงไป

 

นี่คือหายนะครั้งที่ 1

 

ท่ามกลางความนิ่งอึ้งในหอประชุม ฉันหอบหายใจถี่ อาการชาลามไปทั้งตัว ปลายนิ้วมือและเท้าจิกเกร็ง ก่อนเพื่อนที่เป็นประธานนักเรียนจะวิ่งเข้ามาอุ้มฉันไปห้องพยาบาล

 

ฉันไม่ได้เป็นลม ระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ฉันรู้สึกตัวอยู่ตลอด ทั้งยังพยายามกำหนดลมหายใจให้ตัวเองเสียอีก แต่อย่างที่เคยบอก ยิ่งพยายามทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลง ลมหายใจกลับถี่ขึ้นจนต้องเลิกพยายามแล้วเงยมองสีหน้าวิตกของเพื่อนที่อุ้มอยู่ และท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายกับลมหายใจไม่เป็นจังหวะ ฉันกลับหลุดยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น

 

นี่คือหายนะครั้งที่ 2

 

_______________________

 

หายนะครั้งที่ 1 ทำให้เรื่องใบรับรองแพทย์แพร่สะพัดออกไปในหมู่ครูทั้งหลาย ไม่เฉพาะกับแค่คนที่สอนบางคาบอีกต่อไป กลายเป็นเด็กมีปัญหาอย่างสมบูรณ์

 

หายนะครั้งที่ 2 อาการที่ใครต่อใครเชื่อว่าเป็นลม แต่กลับรู้สึกตัวซ้ำยังยิ้มได้ทำให้เพื่อนหลายคนมองว่าเป็นการแกล้งทำ และสิ่งที่เกิดมีจุดหมายเพื่อเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเพื่อนหลายคนพูดจนตัวฉันเองก็คิดไปว่าอาการที่เกิดอาจเป็นความตื่นเต้น ไม่ได้หนักหนาอะไรเพราะไม่ได้เป็นลมหรือชัก จึงไม่ได้เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษากับหมอ

 

จนกระทั่ง อาการแบบเดิมเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันถัดมาที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งหลังจากเลิกเรียนพิเศษ ลมหายใจหอบถี่เริ่มขึ้นอีกครั้ง อาการชาจากศีรษะลามไปทั้งตัวทำให้มือและเท้าเกร็งแน่น ฉันล้มลงตรงนั้นท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่ยืนรอรถโดยสาร ตัวฉันรับรู้ทุกเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทั้งสีหน้าตกใจทำอะไรไม่ถูกของเพื่อนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งคนที่วิ่งเอายาดมมาให้ ทั้งคนที่รีบกดโทรศัพท์เรียกรถโรงพยาบาล

 

คืนวันนั้น ฉันถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินด้วยสรุปการวินิจฉัยว่าอยู่ในกลุ่มอาการ Hyperventilation Syndrome หรือที่เรียกกันว่า โรคหอบจากอารมณ์ เกิดจากภาวะที่ทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจจนทำให้หายใจเร็วไม่เป็นจังหวะโดยไม่รู้ตัว ออกซิเจนในร่างกายผิดปกติ ค่าสารเคมีในเลือดดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงส่งผลให้เกิดภาวะอื่นๆ ทางร่างกายตามมา

 

ข้อแนะนำของแพทย์คือห้ามตกใจ ต้องมีสติ และเมื่อเกิดอาการให้เอาถุงกระดาษหรือพลาสติกครอบทั้งปากและจมูกจนลมหายใจกลับมาอยู่ในจังหวะปกติ

 

ทั้งนี้ มันเป็นโรคที่มีอยู่จริง และเชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่

ไม่ใช่แค่การแกล้งทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ

 

_______________________

 

อาการนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ยังดีที่อาการนี้ไม่ทำให้เกิดอันตรายอะไร ฉันเริ่มปรับตัวและรับมือกับมันได้ในระยะเวลาที่สั้นลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดี แต่ถึงจะหยุดได้ ก็ยังห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ แน่ล่ะ เมื่อไม่เลือกสถานที่เลือกเวลา บางครั้งมันก็เกิดในจังหวะที่เราไม่ต้องการ เช่น ระหว่างเข้าแถวเคารพธงชาติ

 

คำพูดและการกระทำที่บอกว่าฉันเป็นตัวประหลาดยังมีให้ได้ยินให้เห็นอยู่บ้างที่โรงเรียน แม้ว่าบางครั้งจะเป็นแค่การพูดเล่น แต่ก็อดรู้สึกอยู่ในใจจนเอากลับมาคิดไม่ได้

 

อย่างไรก็ตาม ฉันบอกตัวเองเสมอว่าโรงเรียนไม่ใช่ที่ของฉัน
และสังคมรอบตัวในตอนนี้ก็ไม่มีสักคนที่จะอยู่กับเราไปตลอด
อดทนอีกปีเดียวที่แห่งนี้จะเป็นแค่อดีต

ดังนั้น ความหวังของฉันไม่ใช่ตัวฉันตอนนี้ แต่เป็นฉันในอนาคตต่างหาก

 

 


ติดตาม Me & another Me ตอนต่อไป ได้ในวันเสาร์ ที่ 28 เมษายน เวลา 21.00 น.
และอ่านตอนที่ผ่านมาที่ https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/me-and-another-me/

 


Previous Next

  • Author:
  • เด็กผู้หญฺิงธรรมดาที่พบว่าตัวเองป่วยเป็น โรคซึมเศร้า เมื่อคุณหมอบอกให้การบ้านเป็นการเขียนไดอารี่ จึงเกิดเรื่องราวใน Me AND ANOTHER ME ขึ้นมา เคยเชื่อว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่งดงาม จนได้มาเจอพระเจ้าผู้สมบูรณ์แบบ
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)