EP.1

เมื่อชีวิตต้องวิ่งไล่ตามความสำเร็จจนเหนื่อย


ผู้เขียน: RACHEL MORELAND
ต้นฉบับ: https://relevantmagazine.com/life/you-didnt-get-married-have-kid-or-get-new-job-so-what


ไม่นานมานี้ฉันอ่านบทความที่อ้างว่า ผู้หญิงเจนวายกำลังเจอปัญหาการทำงานมากเกินไปถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งงานที่ดี มีเงินเดือนสูง มีสวัสดิการที่ครอบคลุมไปซะทุกอย่าง ถึงแม้ดูเหมือนว่าจะ “มีหมดแล้ว” แต่มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี

 

ฉันจำได้ว่าเคยคุยกับเพื่อนเรื่องวิกฤตวัยทำงานที่เธอเผชิญอยู่ การทำงานเป็นนักข่าวอิสระ และรับจ๊อบแก้ไขงานเขียนเร่งด่วนจนดึกดื่นนั้น ทำให้เธอยังไม่พอใจกับชีวิตตอนนี้สักเท่าไหร่

 

“ฉันว่าฉันไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้นะ ฉันควรจะเรียนจบปริญญาด้วยเกียรตินิยม ได้ทำงานที่ฝันไว้ ได้ซื้อคอนโดทันสมัยใจกลางเมืองสักห้องไว้อยู่กับสามีในอนาคต แต่ดูสิ! มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย”

 .

ฉันได้แต่นั่งฟังเพื่อนระบายเพราะตัวเองก็ไม่ต่างกัน ฉันก็มีความฝันเหมือนเด็กอเมริกันทั่วไป คือมักจะถูกสังคมกดดันให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องไขว่คว้าหางานในฝัน (ถ้ามันมีอยู่จริงอ่ะนะ) และมีบ้านหลังงามล้อมรั้วสีขาวอย่างที่คนอเมริกันทั่วไปฝันถึงกัน ถ้าถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ ก็ตอบไม่ยากเลย เพราะวัฒนธรรมของเราถูกครอบงำด้วยไอดอลที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งส่งผลทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย แรงผลักดันให้ทะเยอทะยาน ความปรารถนาที่จะมีเงินมากขึ้น ความรู้สึกจำเป็นว่าต้องมีข้าวของมากกว่าเดิม หรือแม้แต่เป้าหมายที่อยากจะมีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับตัวละครในทีวีที่กระหน่ำให้เราเห็นอยู่ทุกวัน ประวัติการทำงานที่สวยหรูและรูปโพรไฟล์ที่ดูดี หรือสิ่งต่างๆ ที่เรามักเอามาใช้เปรียบเทียบกับเพื่อนตั้งแต่โบราณนานมา

 

ถึงแม้ความไม่พอใจของเพื่อนฉันจะดูดราม่ามากไปหน่อย แต่สิ่งนี้ก็สะท้อนบางอย่างที่เราควรจะแก้ไข นั่นก็คือคำนิยามของคำว่า ประสบความสำเร็จในชีวิต

 

_______________

 

อันตรายของการถูกครอบงำ

 

ฉันเชื่อว่าทุกวันนี้ วัยอย่างพวกเรากำลังเผชิญกับวิกฤติ นั่นคือวิกฤติการรู้จักตัวตนของตัวเอง และทุกอย่างก็ถูกครอบงำไปด้วยชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ความต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ครอบครัว และการใช้ชีวิตสะดวกสบายถูกปลูกฝังภายในเราตั้งแต่อายุยังน้อย

 

จริงๆ แล้วมันก็ไม่ผิดที่เราพยายามที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของเรา แต่ปัญหามันอยู่ที่เมื่อเราเริ่มเปรียบเทียบความสำเร็จของเรากับคุณค่าในตัวตนของเรา เช่นเมื่อถูกถามว่า “คุณทำงานอะไร?” จึงเป็นคำถามที่น่ากลัวมากเวลาไปงานพบปะสังสรรค์ต่างๆ เพราะอัตลักษณ์ของเราถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เรามี และคนที่เรารัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเหมือนป้ายชื่อของเรา เป็นเหมือนโพรไฟล์บนโซเชียลมีเดียของเรา เป็นเหมือนป้าย “นี่คือทุกสิ่งอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับฉัน” ให้คนรอบตัวเราได้เห็น หรือให้คนในสังคมได้รู้จัก

 

สิ่งรอบตัวเรานั้นกำลังบอกให้เราเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีคู่ครองที่ดูดี มีเงินเดือนที่สูง ได้เลื่อนตำแหน่งหลายๆ ครั้ง มีบ้านหลังใหญ่โตพร้อมรถหรูอยู่ในลานจอดรถ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่ แต่มันมีศักยภาพมากพอที่จะดึงเราออกห่างจากการแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า

 

 

พลิกวิธีคิด


ฉันนึกถึงบทความที่ฉันชอบจากหนังสือชื่อ The Best Yes ของ Lysa TerKeurst ที่กล่าวว่า “ถ้าฉันอยากมีชีวิตที่ไม่เร่งรีบจริงๆ ฉันต้องลดสิ่งที่ฉันต้องทำในตารางชีวิตของฉันลง เพื่อให้พระเจ้ามีเวลาพอที่จะเติมจิตวิญญาณฉันให้เต็มล้น”


แล้วฉันล่ะ แรงปรารถนาของฉันเต็มล้นไปด้วยความอยากประสบความสำเร็จ จนส่งผลให้จิตวิญญาณตัวเองกำลังว่างเปล่าอยู่รึเปล่า? ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นยังไง แต่ขอบอกตรงๆ เลยว่า ในฐานะที่ฉันเติบโตขึ้นมาในครอบครัวอเมริกันชนชั้นกลางที่ไล่ตามความฝันแบบคนอเมริกันทั่วไป การประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นรูปเคารพที่ฝังอยู่ในจิตใจลึกๆ ของฉันเลยทีเดียว


แต่ก็เป็นไปได้ที่เราจะทำความฝันให้สำเร็จและยังคงมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระคริสต์อยู่ ที่จริงฉันก็รู้จักคนหลายคนที่เขาบอกว่าสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดในชีวิตมักจะไม่เกี่ยวกับความสำเร็จในชีวิตของเขาเท่าไหร่ พวกเขายอมรับด้วยว่ามีแรงกดดันมากมายที่สังคมทำให้เราอยากประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาเลือกที่จะแยกสิ่งที่ประสบความสำเร็จออกจากคุณค่าที่พระเจ้ามองเราในฐานะลูกของพระองค์

 

สุดท้ายแล้ว คนเหล่านั้นก็รู้ว่าการประสบความสำเร็จในความหมายทางโลกนั้นไร้ความหมาย เพราะว่าถ้าความสำเร็จคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา ในที่สุดมันจะค่อยๆ ทำให้เราอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ มันจะขัดขวางเราในการหายใจเอาลมหายใจบริสุทธิ์ที่พระเจ้าอยากมอบให้กับเราไป เพื่อไม่ให้เรามีแรงพอที่จะเปล่งคำพูดว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่พระเจ้า ขอพระองค์ใช้ข้าพระองค์ในพระประสงค์ของพระองค์เถิด” ดังนั้นถ้าเราไม่ระวัง ความต้องการประสบความสำเร็จของเราจะบิดเบือนความเชื่อมั่นในตัวเองของเราไป จะขโมยเราไปจากสายสัมพันธ์ที่ถูกต้อง และจะทำให้เรายุ่งเกินไปจนเราลืมที่จะใช้ชีวิตอย่างแท้จริง นั่นแหละค่ะ ถ้าเราไม่ระวังให้ดี!

 

 

พระเจ้าอยากให้เราเติบโต
ไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จ


งั้นพระเจ้าก็ต่อต้านความสำเร็จของเราเหรอ

ฉันคิดว่าไม่ใช่นะ


ฉันนึกถึงข้อพระคัมภีร์ใน มาระโก บทที่ 10 ที่พระเยซูเตือนเศรษฐีหนุ่มว่า ทรัพย์สมบัติของเขาจะทำให้เขาไม่ได้เข้ามาในแผ่นดินสวรรค์ เศรษฐีหนุ่มตอบพระเยซูว่า “บัญญัติเหล่านั้นข้าพเจ้าถือรักษาไว้ตั้งแต่เด็ก” จากนั้นพระเยซูบอกเขาให้เขาไปขายบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่และตามพระองค์ไป เศรษฐีคนนั้นก็สลดและเป็นทุกข์ เมื่อเราอ่านข้อพระคัมภีร์นี้ เราอาจรู้สึกสงสารเศรษฐีคนนั้น แต่ฉันอ่านแล้วมันแทงใจดำฉันเลยล่ะ! เพราะตลอดช่วงวัย 20 ของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับเศรษฐีหนุ่มคนนี้เลย ฉันเข้าใจปัญหาที่เขาเจอ เขาแค่ต้องการแสดงให้พระเยซูเห็นถึงความสำเร็จที่เขามี แต่เขาเพิ่งมารู้ว่ามันก็แค่การวิ่งไล่ตามลมเท่านั้นเอง

 

“ฉันทำทุกสิ่งอย่างที่ถูกต้องเพื่อได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์” ซึ่งนั่นคือการประสบความสำเร็จ การได้เป็นคนสำคัญ การทำอะไรเพื่อตัวเองสักอย่าง

 

หลายครั้งที่ “แผ่นดินสวรรค์ของฉัน” คือบทสรุปของความสำเร็จ คือพระเจ้าในสังคมของพวกเราเองที่นำฉันไปสู่ความพยายามไขว่คว้าทุกสิ่งที่โลกกำลังชักจูงว่าฉันต้องการมัน และฉันไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้


พระเจ้าต้องการให้เราเติบโต ไม่ใช่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่มีความสุขกับรางวัลของการประสบความสำเร็จในทางโลก แต่คือการได้รู้จักพระองค์และพระองค์ได้รู้จักเรา นี่คือแรงปรารถนาสูงสุดของพระองค์ที่มีต่อเรา พระองค์สร้างเราด้วยพระประสงค์ที่ต่างกัน และนี่ก็ส่งผลต่ออาชีพการงานที่เราทำ แต่ฉันก็สงสัยว่าถ้านิยามของความสำเร็จในชีวิตของเราเปลี่ยนไปเป็นว่า การมีความสัมพันธ์กับพระบิดาเป็นเป้าหมายสูงสุดของการประสบความสำเร็จในชีวิตล่ะ ฉันอยากรู้ว่าถ้าเราทำอย่างนั้นได้เมื่อไหร่ เราคงจะได้เริ่มใช้ชีวิตจริงๆ รึเปล่านะ


(ติดตามอ่านซีรี่ส์ Life in Crisis ตอนต่อไปได้
ในวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2561 ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org หรือ
กดติดตามทางเพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/choojaiproject/)


Previous Next

  • Translator:
  • Jit
  • ผู้แปลจิตอาสาป้ายแดงของชูใจ นอกจากเป็น follower ของพระเยซูก็ยังเป็นสาวกของแมวเนี่ยแหละ เอาใจเธอไม่ยากแค่ Love me love my cat!
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง