4 สิ่งที่จะพลิกโฉมรูปแบบการรับใช้ในปี 2025


บทความนี้ใช้เวลาในการอ่านประมาณ  6 นาที
วันที่เผยแพร่  : 14 พฤษภาคม 2021 


 

 

ปี 2025 ที่ใกล้เข้ามารูปแบบการทำงานของผู้คนทั่วโลกอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างชิ้นเชิง

ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดหรือพัฒนาการทางเทคโนโลยี  ข้อมูลรายงานจากเว็บไซด์ของที่ประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้พูดถึง 4 สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในไม่กี่ปีข้างหน้าไว้ ดังนี้

 

– 1. การทำงานสั่งงาน/ติดตามติดตามระยะไกล (Remotopia)

– 2. บทบาทของงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม (Green Collar)

– 3. การกลายเป็นสังคมเศรษฐกิจรายได้หลายทาง (Gig Economy)

– 4. การเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์และเทคโนโลยีอัจฉริยะ (A.I. and Automation Workforce)

 

รายงานที่ว่านี้เป้นส่วนหนึ่งของหารประชุมใหญ่ทางออนไลน์ที่เรียกว่า Pioneer Change Summit (ในวันที่ 16-20 พฤศจิกายน ปี 2020)  ซึ่งเป็นการประชุมของบรรดาผู้นำกว่า 2,000 คน จากทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมจากกว่า 90 ประเทศ   สำหรับโลกของการทำงานทั่วไปแล้วคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไป  แล้วสำหรับโลกของงานรับใช้ของคริสตจักรจะได้รับผลกระทบแบบไหน วันนี้ชูใจชวนมาคุยกันว่า ในปี 2025 ที่โลกของการทำงานเปลี่ยนไป เรายังมีอะไรที่ต้องปรับตัวภายใต้ความเปลี่ยนแปลงกันบ้าง

 

______________________________

 

1.โลกของการติดตามงาน/ชีวิตจากระยะไกล (Remotopia)

 

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ในการทำงานของผู้คน ให้เป็นการทำงานจากที่ไหนก็ได้โดยไม่ยึดติดกับออฟฟิศหรือสถานที่ทำงาน ทั้งการทำงานในรูปแบบทำงานจากบ้าน (Work from home) และ การทำงานแบบตามสัญญาจ้าง (Freelancer) ซึ่งไม่ใช่การทำงานที่ต้องอยู่ประจำโต๊ะอีกต่อไป

การตอกบัตรหรือเซ็นชื่อเข้า-ออกที่โต๊ะลุงยามจะหมดไป การทำงานในอนาคตจะถูกพัฒนารูปแบบการติดตามงานหรือควบคุมกำกับดูแลแบบดูแลระยะไกล (Remote) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่างๆ และจะกลายเป็นลักษณะงานที่เน้นคุณภาพของงานมากกว่าชั่วโมงทำงาน

 

…แล้วโลกของงานรับใช้ล่ะ…

 

งานรับใช้ก็ทำนองเดียวกันที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานไป แต่เดิมเราต่างมองงานและพื้นที่ของงานรับใช้ว่าอยู่ที่โบสถ์เป็นว่วนใหญ่แต่ต่อไปอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว

แท้จริงงานรับใช้ก็มีทั้งที่เป็นลักษณะที่อยู่กับสถานที่และมีในลักษณะของการ “ออกไป” ยังที่ต่างๆ อยู่แล้ว เพียงแต่เราอาจจะยังไม่ชินกับการถูกรีโหมตหรือควบคุมตรวจสอบเท่านั้นเอง หรืออย่างน้อยๆ เราก็ยังรู้สึกว่าตอนที่ไม่ต้องออกไปรับใช้ที่ไหน เราก็อาจพบเจอผู้รับใช้หรือ สมาชิกที่สถานที่เดิมเสมอ คือ “ที่โบสถ์”

 

 

คำถามที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ … จากนี้ถ้าผู้รับใช้อยู่ที่ “บ้าน” หรือที่อื่นล่ะ นั่นยังเป็นการอยู่ในพื้นที่ทำงานหรือไม่?
โดยเฉพาะถ้าอยู่ในพื้นที่ออนไลน์ (Cyber Space) นั่นเป็นพื้นที่หรือสนามแห่งการรับใช้รึเปล่า?

 

4 สิ่งที่จะพลิกโฉมรูปแบบการรับใช้ในปี 2025 ภาพต้นฉบับ จาก  www.freepik.com

 

เมื่อสังคมเปลี่ยนไปคงต้องยอมรับว่าสมาชิกเองก็อาจใช้พื้นที่ตัวอาคารโบสถ์น้อยลง เช่นเดียวกับผู้รับใช้เต็มเวลาที่อาจมีลักษณะงานรับใช้ที่เปลี่ยนไปอาจไม่ได้อยู่ประจำที่เท่าแต่ก่อน เพราะสมาชิกก็มีการกระจายกันไป การทำงานกับสมาชิกก็อาจจะเปลี่ยนไปตามสถานที่และเวลา ดังนั้น ทั้งหัวหน้างานและสมาชิกเองก็อาจมีโอกาสได้เห็นหรือสัมผัสกับผู้รับใช้หน้าต่อหน้าน้อยลง จึงต้องอาศัยระบบบางอย่างเพื่อเชื่อมต่อเราเข้าด้วยกัน

การติดตามเฝ้าดูระยะไกล อาจเป็นสิ่งที่คนทำงานไม่เว้นแม้แต่งานรับใช้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญ…

นอกเสียจากการอยู่ในสายตาหัวหน้าแล้วก็อาจไม่พ้นการเฝ้ามองจากสายตาของผู้คนในโลกออนไลน์ด้วย สิ่งนี้อาจทำให้เราหลายคนรู้สึกไม่สะดวกและไม่เป็นส่วนตัวบ้าง แต่ก็จำเป็นต้องรับมือและเตรียมใจ เพราะโลกของการรับใช้แต่ไหนแต่ไรก็ย่อมต้องเผชิญกับสายตาของผู้คนไม่ว่าเป็นสถานที่ทางกายภาพหรือในสถานที่ออนไลน์ไม่ต่างกัน

 

การรับมือกับการรีโหมตหรือติดตามนี้อาจมีในลักษณะทั้งแบบเป็นทางการ เช่น การโทรรายงาน, การเช็คอิน การเข้าประชุมออนไลน์ประจำวัน/ สัปดาห์ การเขียนจดหมายประจำเดือน หรือแบบไม่เป็นทางการเช่น ช การเขียนบอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่ได้ทำทางโซเซียลมีเดีย

อาจต้องมีการเตรียมวางแผน ว่ารูปแบบการติดตามงานควรจะออกมาในลักษณะใด เพื่อให้ทั้งคนทำงาน และ สมาชิกที่เกี่ยวข้องสะดวกและสบายใจกับบริบททางสังคมและการทำงาน+รับใช้ ที่กำลังเปลี่ยน

 

โจทย์สำคัญสำหรับประเด็นนี้อาจเป็นจะทำอย่างไรในการ สร้างมาตรฐานในการทำงานรับใช้ให้ติดตามและตรวจสอบได้อย่างสบายใจ
และไม่ใช่เพื่อการคอยจับผิด แต่มีเพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิตและคุณภาพงานรับใช้ที่ดี

 


______________________________

 

 

2. เทรนของงาน(รับใช้)สีเขียว

ในปี 2021 หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งในวันแรก ก็ได้ยกเรื่องนำประเทศ กลับเข้าสู่ “ความตกลงสภาพอากาศปารีส” (Paris Climate Agreement) แสดงให้เห็นความสำคัญของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศของโลก

 

4 สิ่งที่จะพลิกโฉมรูปแบบการรับใช้ในปี 2025 ภาพต้นฉบับ จาก  www.freepik.com

ประเด็นของสิ่งแวดล้อมจะเป็นประเด็นสำคัญและใจความของการดำเนินชีวิต ทั้งภายในและนอกคริสตจักร สมาชิกคริสตจักร เจน X และ Y ต่าง กระตือรือร้นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและผลกระทบของสภาวะไม่สมดุลทางธรรมชาติ

 

สิ่งนี้อาจมีอิทธิพลต่อแนวทางการรับใช้และพันธกิจในอนาคต การที่คริสตจักรสนับสนุนเรื่องสีเขียวนอกจากประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมโลกแล้ว ยังเป็นเครื่องสะท้อนวิสัยทัศน์และแสดงจุดยืนทางสังคมที่เป็นมิตร และหัวใจที่ห่วงใยผู้คน

 

พันธกิจที่สนับสนุนสีเขียว อาจเปิดประตูให้ให้พันธกิจเข้าสู่ชุมชนและสังคมได้มากขึ้น เช่นเดียวกับที่งานสังคมสงเคราะห์ หรืองานด้านการศึกษา เคยเป็นมาในอดีต เพราะในยุคต่อไปผู้คนจะให้ความสำคัญกับเรื่อง ขยะ มลพิษ อากาศ และความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

______________________________

 

 

3. วิวัฒน์สู่สังคมเศรษฐกิจรายได้หลายทาง (Gig Economy)

 

มีคำกล่าวว่า “ไม่เลือกงานไม่ยากจน”

 

ด้วยสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้งานเพียงงานเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ค่าใช้จ่าย หรือแม้กระทั่งเป้าหมายในชีวิตส่วนตัวของสมาชิกคริสตจักรรวมถึงผู้รับใช้

 

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลถึงแม้กระทั่งสภาพคล่องทางการเงินของคริสตจักร ที่อาจต้องประสบกับรายรับที่ไม่แน่นอนคาดการณ์ยาก อันเป็นผลจากรายได้ของสมาชิกคริสตจักร มีการขึ้นๆ ลงๆ เพราะวิธีการทำงานและผลตอบแทนที่ได้จากการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าสมาชิกอาจจะยังคงถวายทรัพย์อย่างสม่ำเสมอก็ตาม

 

ปรากฏการณ์นี้เนื่องมาจากการกลายเป็น สังคมแบบเศรษฐกิจหลายได้หลายทาง หรือ Gig Economy” ซึ่งเริ่มถูกพูดถึงกันในโลกตะวันตกในปี 2009 หลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และส่งผลกระทบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในประเทศไทยหลังวิกฤต Covid-19

 

4 สิ่งที่จะพลิกโฉมรูปแบบการรับใช้ในปี 2025 ภาพต้นฉบับ จาก  www.freepik.com

 

การทำงานประจำของหลายสายงานจะให้รายได้ประจำลดลง (แลกกับการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น) ทั้งนี้สมาชิกแต่ละคนอาจจะมีงานที่ 2 หรือ 3 ในการหาเลี้ยงตัวเอง เช่น การขายของออนไลน์ การรับจ้างสอนหนังสือ การรับจ้างแปลเอกสาร การรับจ้างทำงาน Part-time หรือขับรถส่งอาหาร เป็นต้น

 

กล่าวคือ คนหนึ่งคนในยุคต่อไปอาจดำรงชีวิต หารายได้เลี้ยงชีพผ่านงานเล็กๆ น้อยๆ หลายๆ งาน และมีคุณภาพชีวิตตามรายได้ที่มีในแต่ละช่วง นอกจากงานเสริมก็อาจมีการลงทุนในสินทรัพย์ และหลักทรัพย์ อื่นๆ เพื่อต่อยอดเงินออมและเงินลงทุน

 

เช่นเดียวกันผู้รับใช้เต็มเวลาก็อาจมีรายได้หลายทางด้วย หรือบางคริสตจักรอาจจะไม่มีผู้รับใช้เต็มเวลาคนใหม่ เนื่องจากสมาชิกรุ่นใหม่ อยู่ในโลกของการทำงานแบบทำงานอื่นๆ ไปด้วยรับใช้ไปด้วย

 

ทางด้านคริสตจักรเองก็อาจประสบกับภาวะรายรับไม่ต่อเนื่อง หรือ คาดการณ์ยาก คริสตจักรอาจต้องบริหารจัดการ เงินถวายค่าใช้จ่ายและเงินออม เพื่อให้มีกระแสเงินสดที่บริหารจัดการได้ นอกจากนี้คริสตจักรอาจต้องเตรียมสมาชิกให้มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงินและบริหารจัดการชีวิต ทั้งในมิติด้านจิตวิญญาณและมิติด้านชีวิตประจำวัน

 

 

______________________________

 

 

4. การเข้ามาของระบบอัตโนมัติและแรงงานหุ่นอัจฉริยะ (Automation and AI augment)

 

ในปี 2025 คาดการณ์ว่า แรงงานจากหุ่นยนต์และเครื่องจักรจะมากกกว่าการจ้างงานมนุษย์ และเป็นจุดเปลี่ยนผันของรูปแบบและวิธีการทำงานทั่วโลก  แม้ว่าในงานนรับใช้อาจไม่ใช้หุ่นยนต์เข้ามา(แถมพันธกิจต่างๆ อาจต้องการคนมากกว่าเดิม) แต่ สมาชิกก็จะได้รับผลกระทบเรื่องงานของพวกเขา

 

4 สิ่งที่จะพลิกโฉมรูปแบบการรับใช้ในปี 2025 ภาพต้นฉบับ จาก  www.freepik.com และ Xb100

 

สำหรับคริสตจักรระบบอัตโนมัติไม่ได้เป็นภัยแต่ก็เป็นประโยชน์ โดยอาจเข้ามาช่วยลดภาระงานที่ไม่จำเป็นหรือยิบย่อยในคริสตจักร เช่น ระบบการจัดการฐานข้อมูล การนับจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม หรือ การจัดการคลังและพัสดุ หรือช่วยในเรื่องการจัดระบบการเรียนพระคัมภีร์ แต่งานด้านความสัมพันธ์และงานเกี่ยวกับการอภิบาลคน รวมทั้งงานประกาศ ก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้คนอยู่ อาจเป็นข้อดีที่คริสตจักรจะได้พัฒนางานพันธกิจต่างๆ โดยไม่ต้องพะวงเรื่อง ‘งานหลังบ้าน’ ต่างๆ

 

…เพราะยังมีงานด้านจิตวิญญาณที่สำคัญมากกว่า…

 

การเข้ามาของระบบอัตโนมัติ อาจเป็นโอกาสที่เราจะได้ลงเรื่องความสัมพันธ์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะสิ่งที่ระบบอัตโนมัติทำไม่ได้ ก็คือพันธกิจหลักของคริสเตียน คือ การเข้าไปสู่สังคม เจอผู้คน และแสดงความรักของพระเจ้าต่อคนเหล่านั้น

 

———————————————

 

สุดท้ายนี้ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดการณ์ไหมก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่เรายังมุ่งมั่นในการรับใช้ และเตรียมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง โดยที่รู้ว่าในทุกการเปลี่ยนแปลงนั้น พระเจ้าทรงดูแลเรา และจัดเตรียมหนทางไว้ให้กับเราอยู่แล้ว

 

 

ชูใจ“จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา” – (สุภาษิต 16:3 THSV11)

 

#ด้วยรักและชูใจ

 

 

 


 

ข้อมูลอ้างอิง :

 

  • Desmond Dickerson,  4 things that will redefine the way we work by 2025 , online.   https://www.weforum.org
  • Edward Wickham, Radio review: World Questions: The future of work, and Brixton: Flames on the frontline  , online. https://www.churchtimes.co.uk/
  • Daniel Im, How the ‘Gig Economy’ Is Changing Christian Ministry , online. https://outreachmagazine.com/
  • ความตกลงปารีส: ก้าวสำคัญของการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ , ออนไลน์ https://thai-inter-org.mfa.go.th

Photo :


Previous Next

  • Author:
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
  • Illustrator:
  • Narit
  • เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก