จะรู้จักตัวเองมากขึ้นได้อย่างไร ผ่าน MBTI

EP. 6

จะรู้จักตัวเองมากขึ้นได้อย่างไร? [รู้เขารู้เรา]


Podcast Project รู้เขารู้เรา : โปรเจ็คที่จะช่วยให้คุณรู้จักตัวเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
พูดคุยโดย : วอร์ วรรัก และ เจด เจษฎา
นักศึกษาพระคริสต์ธรรมด้านการให้คำปรึกษา


 

Highlight

  • การรู้จักตัวเองมาขึ้นมีหลากหลายวิธี วันนี้เราจะมารู้จักตัวเองมากขึ้นผ่านการวัดโดยใช้  MBTI
  • เช็คให้รู้! เราอยู่ในกลุ่มไหนของ  MBTI ทั้ง 4 กลุ่มและเราจะพัฒนาให้เติบโตมากขึ้นได้อย่างไร?

___________________________

 

หลายคนมีใจอยากรับใช้แต่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับงานรับใช้แบบไหน  หรือกำลังค้นหาว่างานไหนที่ใช่ตัวเรา อะไรคือสิ่งที่เราทำแล้วจะเกิดผลลัพธ์ที่ดี  และทำไมบ้างครั้งเราอึดอัดในการทำบางสิ่งทั้งๆ ที่เราคิดว่าเราน่าจะชอบ การที่เรารู้จักตัวเองก่อนจะช่วยทำให้เราเลือกได้ดียิ่งขึ้น

กระบวนการรู้จักตัวเองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน รวมๆ แล้วจะมาจากประสบการณ์ สถานการณ์ต่างๆ คนรอบตัว ที่สำคัญเราสามารถรู้จักตัวเองมากขึ้นผ่านการอ่านพระคัมภีร์ด้วย …นอกจากนั้นพระเจ้าก็ให้สติปัญญาแก่มนุษย์ในการที่จะรู้จักตัวเองมาขึ้นผ่านวิธีการต่างๆ และแม้แต่บรรดาแบบวัดบุคลิกภาพที่มีมากมาย ก็ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นได้เช่นกัน

 

มาเข้าใจบุคลิกภาพและความคิดตัวเองผ่าน MBTI

 

MBTI เป็นแบบวัดบุคลิกภาพ หนึ่งในหลายๆแบบที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
อาจจำแนกลักษณะวิธีคิดของผู้คนเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

MBTI easy

1. กลุ่มช้าง   (S+F) Sensing + Feeling

2. กลุ่มหมาป่า (S+T) Sensing + Thinking

3. กลุ่มแมวน้ำ (N+F) Intuition + Feeling

4. กลุ่มนกฮูก  (N+T) Intuition + Thinking

 

ทั้ง 4 กลุ่มก็จะมีจุดแข็ง จุดบอด และแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้นผ่าน การใช้เกณฑ์ MBTI แบบสั้นๆ ง่ายๆ สไตล์ชูใจ เพื่อนำมาประยุกต์ในการเลือกว่า งานรับใช้แบบไหนเหมาะกับตัวเรา สำหรับคนที่ยังไม่ทราบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มไหน ลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้ได้เลย

___________________________

 

เช็คให้รู้! เราอยู่ในกลุ่มไหนของ MBTI ทั้ง 4 กลุ่ม และจะพัฒนาอย่างไร?

 

กลุ่มช้าง (S+F)

[นาทีที่ 6.40]

เพราะช้างมีลักษณะที่สอดคล้องกับความเป็นมิตรของคนกลุ่มนี้ ช้างนั้นเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่แสนเซนซิทีฟ คนกลุ่มนี้ชอบช่วยเหลือ ชอบอยู่ร่วมกับผู้อื่น น่ารัก อ่อนโยน ชอบบริการ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

 

ลักษณะเด่น :
ไวต่อความรู้สึก สามารถรับรู้ความผิดปกติในความรู้สึกของผู้คนรอบข้างได้ไว
ชอบช่วยเหลือ การเทคแคร์เอาใจใส่
ยินดีให้ความช่วยเหลือ

รู้สึกดีเมื่อ :
มีคนมาขอร้องเราให้ช่วยทำอะไรบางอย่าง
รับรู้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง หรือเป็นที่รัก

จุดบอด : ช้างใจอ่อนขี้สงสาร ให้ความสำคัญของคนอื่นก่อนตัวเอง บางครั้งก็เลยไม่ปฏิเสธเวลามีคนต้องการความช่วยเหลือ ก็เลยเหนื่อยบ่อย  เครียดง่ายเรื่องคน

สิ่งที่ต้องฝึกฝน : เนื่องจากกลุ่มช้างมีแนวโน้มที่จะให้ความต้องการของคนอื่นมาก่อน และอาจโอนอ่อนตามความคิดของคนอื่น จึงต้องเพิ่มความกล้า คือ กล้าที่จะปฏิเสธ และกล้าที่จะยืนหยัดในความคิดความเชื่อของตัวเอง

 

งานรับใช้ที่คนกลุ่มช้างมีแนวโน้มจะทำได้ดี คือ : งานแนวบริการ งานช่วยเหลือ งานที่ต้องดูแลผู้คน ให้คำปรึกษา งานอะไรก็ตามที่ต้องร่วมกลุ่มร่วมแรงร่วมใจ เช่น ปฏิคม ทีมต้อนรับ ทีมบริการ งานครัว เลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่ เยี่ยมเยียน และงานใดๆ ที่อาศัยความเป็นมิตรไมตรี  หรือในช้างที่ค่อนข้างสันโดษ ก็อาจทำงานเอกสาร เลขาการประชุม งานดูแลตัวต่อตัว พี่เลี้ยง ที่ปรึกษา งานแบบนี้กลุ่มช้างมีแนวโน้มจะมีความสุข

 

แนวทางการพัฒนาของกลุ่มนี้ตามข้อพระคัมภีร์ของกลุ่มช้าง  คือ …

"จง​เข้ม‍แข็ง​และ​กล้า‍หาญ​เถิด อย่า​กลัว​หรือ​ครั่น‍คร้าม​เขา​เลย เพราะ‍ว่า​ผู้​ที่​ไป​กับ​ท่าน​คือ​พระ‍ยาห์‌เวห์​พระ‍เจ้า​ของ​ท่าน พระ‍องค์​จะ​ไม่​ทรง​ปล่อย​ท่าน​ให้​ล้ม‍เหลว​หรือ​ทอด‍ทิ้ง​ท่าน" เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6 (THSV11)

 

___________________________

 

กลุ่มหมาป่า (S+T)

[นาทีที่ 9.42]

เพราะหมาป่ามีลักษณะที่สอดคล้องกับความจริงจังและมีความเป็นผู้นำ หมาป่าเป็นสัตว์ที่ยึดถือกฎระเบียบ และวิธีการ(เช่นการล่า การเชื่อฟังจ่าฝูง) คนกลุ่มนี้มีความตั้งใจ ขยัน อดทน มุ่งมั่น และชอบบริหารจัดการ เชื่อในความถูกต้อง ความเท่าเทียม อยู่กับความเป็นจริงตรงหน้าคิดวิเคราะห์สถานการณ์และระมัดระวังความเสี่ยง รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ชอบความชัดเจน สนใจผลลัพธ์ที่จับต้องได้

 

ลักษณะเด่น :
เป็นกลุ่มที่มีความละเอียดรอบคอบมากๆ และมีความรับผิดชอบสูงสุดๆ
รับปากแล้วทำวางใจได้

รู้สึกดีเมื่อ : เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ หรือสถานการณ์มีความเป็นไปได้ชัดเจน
เมื่อเกิดความยุติธรรมในสังคม
เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

จุดบอด : มักพูดจาตรงไปตรงมาเกินไป จนถึงขั้นขวานผ่าซากทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
มักติดอยู่กับประสบการณ์จากอดีต เลยมักด่วนสรุป  (ถ้าอดีตดี เขาจะยึดติดวิธีการเดิมเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าอดีตร้าย เขาก็จะกลัวความผิดพลาดซ้ำรอย)

 

สิ่งที่ต้องฝึกฝน : เนื่องจากเป็นคนที่เน้นผลลัพธ์ และยึดติดกับประสบการณ์เดิมๆ จึงควรเพิ่มการ “เปิดใจ” ในการรับฟัง เพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ได้ตามความเป็นจริงโดยไม่ติดกับประสบการณ์เดิมๆ ไม่ว่าดีหรือร้าย ควรเปิดใจฟังวิธีการใหม่ๆ หรือฟังประสบการณ์ของคนอื่นในการตัดสินใจด้วยนะ และเพิ่มความอ่อนหวานซะหน่อย

 

งานรับใช้ที่คนหมาป่ามีแนวโน้มจะทำได้ดี คือ : งานแนวจัดการ บริหาร จัดระเบียบ งานที่ต้องอาศัยความเป๊ะ เช่น หัวหน้าทีมพันธกิจ ผู้ดูแล คนจัดตารางต่างๆ คนตามงาน ฝ่ายจัดซื้อ เหรัญญิก พวกเขาเป็นนักปฏิบัติชื่นชอบงานที่มีวิธีการ แบบแผนชัดเจน รู้เหตุผล และเป้าหมาย จะทำให้พวกเขาทำงานง่ายขึ้นและสบายใจ

 

แนวทางการพัฒนาของกลุ่มนี้ตามข้อพระคัมภีร์ของกลุ่มหมาป่า  คือ …

จง​เปิด​ใจ​ รับ​คำ​สั่ง‍สอน และ​จง​เงี่ย‍หู​ฟัง​ถ้อย‍คำ​แห่ง​ความ​รู้ สุภาษิต 23:12 (THSV11)

 

___________________________

กลุ่มแมวน้ำ (N+F)

[นาทีที่ 12.10]

เพราะแมวน้ำก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าเข้าหา ปรับตัวเก่ง และมีศิลปะในการสื่อสาร  ทำอะไรยากๆ ให้ง่ายๆ ฉลาดคิด ฉลาดพูด เป็นสัตว์ที่เอาตัวรอดเก่งปรับตัวได้ง่าย ว่องไวต่อสถาการณ์รอบข้าง และสนใจผู้คนรอบข้างมากเป็นพิเศษ ปัญหาก็คือบางทีจินตนาการแก่กล้าเกินไป มโนไปไกลไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริง

 

ลักษณะเด่น :
รับรู้สถานการณ์รอบตัวได้ไว มีศิลปะในการปรับตัวและการสื่อสาร
สนใจชีวิตผู้คน รักอิสระมากๆ และมีจินตนาการเป็นเลิศ สร้างสรรค์ ลื่นไหล

รู้สึกดีเมื่อ :
เมื่อได้เห็นชีวิตของตนเองและคนอื่นที่เขาสนใจพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
เมื่อค้นพบแรงจูงใจที่ถูกต้องของผู้คน (เพราะใส่ใจสิ่งที่เป็นมาจากภายใน มากกว่าสิ่งที่ทำกระทำภายนอก)
เมื่อความคิดสร้างสรรค์ถูกตอบรับในเชิงบวก

จุดอ่อน :
ไม่ค่อยรอบคอบ
ไม่อยู่บนโลกของความจริงเท่าที่ควร คิดเองเออเองเกินจริง
ชอบใช้การโน้มนาว เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ

สิ่งที่ต้องฝึกฝน : ควรเพิ่มความเป็นจริงในชีวิต เพื่อไม่ให้ไม่ฟุ้งซ่านเกินไป มองโลกและคิดเห็นตามความเป็นจริงไม่ยึดติดกับจินตนาการ

งานรับใช้ที่แมวน้ำมีแนวโน้มจะทำได้ดี คือ : งานแนวสร้างสรรค์ งานที่ต้องอาศัยการสื่อสารให้เข้าใจ งานที่ให้อิสระในการคิดและทำ และงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้คน เช่น นำนมัสการ ร้องเพลง ฝ่ายศิลป์ นำเกมเพลง   คนประกาศข่าว เขียนบทละคร คิดแบบเรียนรวี ฝ่ายรายการค่าย ฝ่ายสื่อ ถ่ายรูป ทำพรีเซนเทชั่น  การให้คำปรึกษา พวกเขาไม่ค่อยชอบงานจำเจ เพราะมีจิตวิญญาณอิสระ ทำงานจ็อบๆ ก็ได้ดี และชอบงานที่ไม่น่าเบื่อ ต้องมีพื้นที่ให้สร้างสรรค์หน่อยๆ

 

 แนวทางการพัฒนาของกลุ่มนี้ตามข้อพระคัมภีร์ของกลุ่มแมวน้ำ คือ …

 

ขอ​จง​ใคร่‍ครวญ​ดู​สิ่ง​เหล่า‍นี้​คือ สิ่ง​ที่​เป็น​จริง สิ่ง​ที่​น่า‍นับ‍ถือ สิ่ง​ที่​ยุติ‍ธรรม สิ่ง​ที่​บริ‌สุทธิ์ สิ่ง​ที่​น่า‍รัก สิ่ง​ที่​ควร​แก่​การ​สรร‌เสริญ รวม​ทั้ง​ถ้า​มี​สิ่ง‍ใด​ที่​ยอด‍เยี่ยม สิ่ง‍ใด​ที่​น่า‍ยก‍ย่อง ฟีลิปปี 4:8(THSV11)

 

___________________________

 

กลุ่มนกฮูก (N+T)

[นาทีที่ 15.10]

เพราะนกฮูกเป็นสัตว์ที่เข้าใจโลก ช่างตั้งคำถาม เป็นจอมวางแผน มองการณ์ไกล รอบคอบเฉียบคม และเป็นนักคิดที่คิดรอบด้าน ตั้งคำถามกับแทบทุกเรื่องและชอบทำอะไรที่ท้าทายความสามารถ เพราะว่าคิดเก่งไปหน่อยบางทีก็เลยต้องเพิ่มความถ่อมใจด้วย คนกลุ่มนี้หาได้น้อยที่สุดในสังคม

 

ลักษณะเด่น :
เข้าใจโลก และมองโลกตามความเป็นจริง ผ่านการวิเคราะห์และประเมินความเป็นไปได้
มีหลักการและเหตุผล ชอบท้าทายในสิ่งใหม่ๆ สร้างนวัตกรรม และค้นพบสิ่งใหม่
ชอบตั้งคำถามตลอดเวลา  และบางทีตอบคำถามด้วยคำถาม

รู้สึกดีเมื่อ :
ได้ลองคิด ทำ หรือ สร้างสิ่งที่แปลกใหม่ท้าทายเกิดขึ้น (ในทางของตัวเอง)
สิ่งที่คาดการณ์ไว้เกิดขึ้นจริง หรือได้รับการพิสูจน์

จุดอ่อน :
ไม่ค่อยชอบในส่วนของรายละเอียด
ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ยึดมั่นถือมั่นในความคิดความเชื่อของตัวเองเกินไป

 

สิ่งที่ต้องฝึกฝน :
เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีอัตตาสูงและถือว่าเป็นคนเก่ง จึงต้องเพิ่มความถ่อมใจ เพื่อให้สามารถเป็นคนที่ใช้การได้ เพราะไม่มีใครหรอกที่เก่งไปซะทุกเรื่องรู้ไปซะทุกอย่าง

 

งานรับใช้ที่นกฮูกมีแนวโน้มจะทำได้ดี คือ :

งานแนวคิดวางแผน วิเคราะห์กลยุทธ์ แผนพัฒนา ตั้งเป้าหมาย เพราะชาวนกฮูกชอบใช้ความคิด และเก่งในการคาดการณ์ล่วงหน้า และประเมินความเป็นไปได้ต่างๆ พวกเขา ชอบที่จะเห็นโอกาสและเปิดกว้างต่อความรู้ใหม่ วิธีการใหม่ๆ ที่ดีกว่า ชอบสร้างหรือคิดค้นวิธีการหลักการใหม่ ให้พวกเค้าคิดไปเถอะเค้าไม่เบื่อหรอก

 

แนวทางการพัฒนาของกลุ่มนี้ตามข้อพระคัมภีร์ของกลุ่มนกฮูก คือ …

ความยำเกรงพระเจ้า เป็นการสอนให้เกิดปัญญา และความถ่อมใจ เดินอยู่ข้างหน้าเกียรติ สุภาษิต 15:33 (ฉบับ 1971)

 

การค้นพบตัวเองผ่านแบบประเมินเป็นเพียงเครื่องมือช่วยเราให้ตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่เราถนัดง่ายขึ้น  แต่เราอย่าลืมพึ่งพาพระเจ้าด้วยนะเพราะพระองค์ทรงสร้างเรา และทรงรู้จักเรามากกว่าที่แบบประเมินจะช่วยเสียอีก

 

_______________________________
.

ฟังแล้วลองฝึกกัน อยากให้น้องๆ ลองถามตัวเองดูว่า…

ลองถามตัวเองดูว่า…

  • ตอนนี้เราอยู่กลุ่มไหน?
  • เรามีจุดแข็ง จุดบอดอะไร?
  • และเราจะพัฒนาตัวเองอย่างไร  ผ่านข้อพระคัมภีร์ของแต่ละกลุ่ม?

 

_______________________________

.

ขอขอบคุณที่ปรึกษาด้านเนื้อหา  :

อ. เจนจิต เลิศมาลีวงศ์  อาจารย์ประจำหมวดวิชาพระคัมภีร์ใหม่ โรงเรียนคริสต์ศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ สวนพลู (TBTS)

.


ชาวชูใจสามารถกดฟัง Podcast รู้เขารู้เราทุกตอนได้ทางลิงค์นี้ค่ะ >>> https://choojaiproject.podbean.com นอกจากนี้ยังสามารถกด Follow เพื่อให้ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ^^


Previous Next

  • Author:
  • Editor สาวเรียบเรียงหลายบทความในชูใจ เธอผู้มีภาษาละมุนละไม กระดุ้มกระดิ้ม และยังมุ่งมั่นรับใช้พระเจ้าและมีภาระใจในการทำงานด้านให้คำปรึกษากับวัยรุ่น เลยต้องดั้นด้นไปอยู่เมืองสิงโตพ่นน้ำเพื่อเรียนต่อด้านนี้!
  • Author:
  • ชายหนุ่มวัยปลายยี่สิบ ผู้ผันตัวจากการเป็นกราฟิกมือทอง มาทำงานรับใช้สายผู้ให้คำปรึกษา ต้องการจะชูใจผู้อื่นด้วยการทำให้น้องๆ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม!!!
  • Illustrator:
  • เฮียกิดไจ๋
  • หนุ่มน้อยไฟแรงผู้รับใช้ เป็นคนเจนวายสาย conservative อนุรักษ์มือถือแบบปุ่มกด ไม่นิยมการใช้โซเชียล ชื่นชอบการอบคุ้กกี้ ดูเตียบ่อกี้และละครนาคีกับที่บ้าน เชี่ยวชาญทางด้านกราฟฟิกและงานครัว นี่มัน! หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ เลยนี่นา!