กว่าถั่วจะเป็นดาว

EP. 4/6

กว่าถั่วจะเป็นดาวมันไม่ง่าย (EP. 4/6)


ซีรีส์ : กว่าถั่วจะเป็นดาว
ตอนที่ :  4/6
อ่าน ‘กว่าถั่วจะเป็นดาว’ ทุกตอนได้ที่ : https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/when-god-guides-me-to-be-a-farmer/


ในช่วงที่คนสองคนคบหากันใหม่ๆ เรามักเรียกช่วงนั้นว่า Honeymoon Period หรือช่วงโลกสีชมพู ที่อะไรๆก็ดูหอมหวาน กับงานก็คงไม่ต่างกัน ในช่วงเริ่มต้นเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นไปเสียหมด จนกระทั่งเมื่อความโลกสีชมพูคลายตัวลง ตอนนั้นแหละค่ะ ที่จะเริ่มเห็นของจริงที่อยู่ตรงหน้า ว่ามันก็ไม่ได้สวยงามไปซะทุกอย่าง และมันก็ไม่ง่ายอย่างที่ตอนแรกวาดฝันไว้

____________________

.

พอฉันได้รู้จักการทำเกษตรมากขึ้น ก็ยิ่งเห็นว่างานในสวนมีอะไรให้ทำมากมาย แบบ…มากมายยยยย ขีดเส้นใต้แรงๆ ตั้งแต่ใส่ปุ๋ยหมัก ฉีดปุ๋ยชีวภาพ น้ำส้มควันไม้เพื่อไล่หนอนแมลง ฉีดไตรโคเดอร์มากันเชื้อรา ต้องคอยตัดแต่งกิ่ง มัดเชือกฟางเพื่อให้ถั่วไต่ขึ้นค้าง ต้องเรียนรู้เรื่องดิน น้ำ ลม ระบบการจัดการที่ดินอีกแสนแปดอย่าง

 

“งานเกษตรไม่หมูจริงๆ”

.

จากตอนแรกที่คิดว่า พื้นที่ 2-3 ไร่แค่นิดเดียว ยังไงก็เอาอยู่ แต่พอลงมือทำจริงชักจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว เพราะต้องดูแลถั่วดาวตั้งหกร้อยกว่าต้น ซึ่งเแต่ละต้นต้องการการเอาใจใส่ดูแลอย่างมาก สารเคมีก็ไม่ได้ใช้เพราะผลที่เก็บเกี่ยวจะเอาไปแปรรูปเป็นสินค้าบริโภคโดยตรง หลายต้นมีมดมาทำรัง และมีหนอนกินลำต้นและใบ ฉันเห็นนี่แทบจะเป็นลม เจ้าสัตว์พวกนี้มันคงคิดว่ามีคนเอาอาหารมาเสิร์ฟให้ทุกวันสินะ ฉันได้แต่บอกยายเชิงปรับทุกข์ว่า คงทำได้แค่ต้องฉีดปุ๋ยชีวภาพต่างๆ ให้บ่อยขึ้นเพื่อป้องกัน และหมั่นมาตรวจดูแปลงว่ามีหนอนมากินมั้ย

.
เหนื่อยสิคะงานนี้…

.
ความท้าทายใหม่ๆ ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ด้วยความที่ชาวบ้านแถวนั้นยังไม่ค่อยรู้จักพืชที่เราปลูก บ้างก็คิดว่าปลูกถั่วฝักยาวบ้าง ถั่วพูบ้าง เสาวรสบ้าง ส่วนใหญ่คนที่นี่จะนิยมปลูกไม้ยืนต้นและพืชเศรษฐกิจที่ทำให้ได้เงินก้อนใหญ่ๆ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน สะตอ ลูกเนียง ปาล์ม ยางพารา หลายครั้งก็มีคนถามว่า “เจ้าถั่วนี้ปลูกที่ใต้ได้เหรอ ที่นี่ฝนเยอะนะ ไม่ใช้เคมี แล้วจะรอดมั้ย กำไรล่ะเป็นไง ปลูกแล้วจะไปขายใคร จะมีคนรับซื้อเหรอ” คำถามมากมายที่ชาวบ้านแถวนั้นยิงรัวๆ มาใส่ ไม่ได้ทำให้ฉันแค่หาคำตอบให้ไม่ทัน แต่ยังทำให้ใจหวั่นไหวไปกับคำพูดเหล่านั้นด้วย ฉันถึงกับถามพระเจ้าอยู่เป็นระยะๆ ว่า

.

“สิ่งนี้จะสำเร็จมั้ยคะพระเจ้า หรือที่ลงมาทำจะเสียเวลาเปล่า”

.

ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโนอาห์ที่กำลงต่อเรือท่ามกลางเสียงของผู้คนรอบข้างที่คิดว่าเขาสติไม่ดี ทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่พระเจ้ากลับหนุนใจฉันผ่านคำพูดของยายที่ว่า “ทำมันไปให้สุดๆ นั่นแหละ อย่าไปท้อ” พอได้ยินแบบนั้นก็เหมือนได้รับพลังบางอย่างมาเติมเชื้อเพลิงให้มุ่งหน้าต่อไป

____________________

ในแต่ละวัน ฉันเป็นเหมือนเด็กฝึกงานที่เดินตามยายเข้าสวนต้อยๆ ยายเก็บอะไรฉันก็เก็บด้วย ยายไปตัดกล้วย ฉันก็ตามไปช่วย การตามติดชีวิตเกษตรกรผู้มีประสบการณ์ทำให้ฉันได้เรียนรู้คำว่าเกษตรพอเพียงอย่างถ่องแท้มากขึ้น ยอมรับตามตรงว่า ช่วงแรกที่มาทำสวน ฉันยังติดกับความคิดแค่เรื่องกำไร ขาดทุนอยู่เท่านั้น แต่ที่จริงแล้วแค่การมาทำสวนไม่ได้แปลว่ากำลังเดินตามเศรษฐกิจพอเพียง แต่การทำเกษตรแบบพอเพียงที่แท้จริงคือการเก็บเล็กผสมน้อย เป็นการลดรายจ่ายสร้างรายได้ พออยู่ พอกิน พอใจในสิ่งที่มี ไม่สร้างหนี้สินหรือใช้จ่ายเกินตัว ปลูกในสิ่งที่กินและกินในสิ่งที่ปลูก บ้านยายฉันอยู่ห่างจากตลาดหรือร้านสะดวกซื้อหลายกิโล ความสะดวกที่สุดจึงเป็นการเดินเข้าสวนไปเก็บผักบุ้ง ตำลึง ผักหวาน ใบเหลียงมาทำเมนูนัวๆ กินอย่างไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม ทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้นว่าการอยู่แบบพอเพียงทำได้ทุกที่เพราะมันคือวิถีชีวิตแห่งความพอใจ ฉันค่อยๆ ถูกหล่อหลอมและเปลี่ยนมุมมองผ่านห้องเรียนสีเขียวแห่งนี้

 

 

นอกจากต้องปรับตัวในเรื่องหน้าที่การงานใหม่ เรื่องสภาพความเป็นอยู่ในบ้านสวนนี่ก็ท้าทายสำหรับสาวในเมืองอย่างฉันมากพอดู อย่างที่รู้ๆ กัน บ้านสวนก็จะต้องมีสัตว์น้อยนานาชนิดมาอยู่ล้อมรอบเรา ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กแก จิ้งจก มด แมลง ยุง หนู กบ ปาด ฯลฯ พอเจอทีนี่ก็อธิษฐานขอพระเจ้าไล่ให้แทบไม่ทัน หนำซ้ำยังต้องปรับตัวกับการซักผ้าด้วยมือ ใช้น้ำโอ่งล้างจาน ทำครัวแบบบ้านๆ ไม่มีไฮสปีดไวไฟ หรือแอร์คอนดิชั่นใดๆ มีแต่ลมธรรมชาติ บางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองมาติดเกาะมากกว่ามาทำตามฝัน รู้สึกเหงา อยากนัดเจอเพื่อนและผู้คนบ้าง ฉันเริ่มเกิดอาการ city sick อยากกลับไปสู่แสงสี อยากเจอผู้คน ฉันเริ่มหดหู่และไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนบ่นกับพระเจ้าว่า

“พระองค์กำลังทำอะไรกับชีวิตลูก พระองค์มีเป้าหมายอะไร 
ทำไมพระองค์ถึงนำให้ลูกมาทำงานที่ยากมากๆ แบบนี้ ลูกขอชีวิตแบบเดิมคืนได้มั้ย”

แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ตอบอะไรในตอนนั้น จนกระทั่ง

 

มีอาทิตย์หนึ่งฉันได้ไปโบสถ์และต้องขับรถไปส่งยายวัย 85 คนหนึ่งกลับบ้าน ชื่อว่ายายจอง ยายจองมารู้จักพระเจ้าตอนที่ป่วยจนเดินไม่ได้ ยายได้รับใบปลิวเรื่องพระเจ้าเลยลองอธิษฐานขอพระเจ้ารักษาและหาย! หลังจากนั้นมีคนชวนยายไปงานคริสต์มาสที่โบสถ์ จึงได้รับเชื่อที่นั่น

 

สามีของยายจองเสียไปหลายปีแล้ว ยายไม่มีลูกและอยู่บ้านเพียงลำพัง แต่ก็มีญาติๆ ที่อยู่ละแวกเดียวกันคอยดูแลกันอยู่ ยายดำรงชีพด้วยเงินผู้สูงอายุ และเงินจากการขายผักที่ยายไปปลูกไว้ตามรั้วริมทางรถไฟที่อยู่ห่างจากบ้านไป 2-3 กิโล ยายจองจะนั่งรถไฟไปอีกอำเภอเพื่อขายผักทุกวันพฤหัส-วันศุกร์ ถ้าผักเหลือ ยายก็จะเดินขายผักไประหว่างทาง ปกติยายจะมานอนค้างที่โบสถ์สองคืน พอวันอาทิตย์ค่ำๆ ก็จะติดรถหลานที่มาทำงานแถวนั้นกลับบ้าน คนที่โบสถ์เล่าว่า ยายมาโบสถ์อย่างสม่ำเสมอและเป็นแบบนี้มานานแล้ว ยายชื่นชมยินดีกับการมาโบสถ์ได้เจอพี่น้อง แม้จะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้แล้วเพราะสายตาไม่ดี แต่ยายก็รักที่จะนมัสการและฟังเทศนา ยายบอกว่า

“ยายอธิษฐานกับพระเจ้า พระเจ้ารักษาชั้น ชั้นรักพระเจ้า”

ฉันนั่งฟังเรื่องของยายจองด้วยความละอายในใจ หญิงม่ายอายุมากที่อยู่ตัวคนเดียว เดินทางไปไหนก็ไม่ค่อยสะดวก แถมรายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เราก็มักจะเห็นรอยยิ้มของแกที่คอยให้กำลังใจคนรอบข้างได้เสมอ แต่ดูฉันสิ ทั้งๆ ที่ยังสาว ยังมีเรี่ยวแรง มีงานให้ทำ มีครอบครัวที่คอยสนับสนุน และที่สำคัญคือมีพระเจ้าที่คอยดูแลและนำทางมาตลอดกลับมานั่งท้อใจ บ่น และไม่พึงพอใจกับชีวิตของตัวเองอยู่เป็นระยะๆ

ขณะที่ไปส่งยายจองกลับบ้าน ฉันก็แวะเข้าบ้านก่อนเพื่อพายายจองมาเที่ยวดูสวนของยาย แต่ความเซอร์ไพรส์ก็บังเกิดเมื่อยายจองเจอกับยายของฉันที่บ้าน

ยายจอง: “อ้าว เอียดใช่มั้ย ที่อยู่คลองโชนใช่รึเปล่า”
ยายเอียด: “จอง พี่ของจ้อยที่อยู่ตรงควน ที่เรียนมศ. 3 ด้วยกันใช่ไหม”

กลายเป็นว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนเก่าที่เคยเรียนห้องเดียวกันมาก่อนและไม่ได้เจอกันนานมาก!

 

 

ฉันเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ การนัดหมายของพระเจ้าช่างอัศจรรย์และเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ สองยายพูดคุยความหลังกันโดยที่ยายจองก็ไม่ลืมที่จะชวนยายเอียดให้ลองไปโบสถ์ด้วย กลายเป็นว่ายายจองประกาศกับยายเอียดของฉัน ช่วยรดน้ำเมล็ดพันธุ์ที่เคยได้หว่านเอาไว้ในใจของยายไปโดยปริยาย!

ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ พระเจ้าทรงนำให้เราได้เจอกับหญิงสูงวัยที่รักพระเจ้า เพื่อมาชูใจฉันในยามท้อแท้และสิ้นหวัง แม้ว่าต่อมาไม่นาน ยายจองได้จากไปอยู่กับพระเจ้าแล้วก็ตาม แต่ชีวิตที่หนุนใจและแบบอย่างในการติดตามพระเจ้าของยายจองจะยังคงอยู่ในใจของฉันเสมอไป

.

ส่วนฉันเองก็ต้องคอยดูแลถั่วดาวให้เติบโตไปพร้อมกับความเชื่อของฉันต่อ ถึงแม้มันจะยากมากๆ ก็ตาม!


คอลัมน์ #เด็กสมัยนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของเด็กต้นเรื่อง และการเดินทางแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าของเหล่าคริสเตียนรุ่นใหม่ได้ ทุกวันศุกร์ เวลา 1 ทุ่มตรงนะจ๊ะ


Previous Next

  • Author:
  • จากเด็กสาวในเมือง เปลี่ยนงานมาแล้วหลายรูปแบบ แต่สุดท้ายกลับมาเจอ 'งานที่ใช่' ในบ้านนาฟ้าอมร!
  • Illustrator:
  • tumtim
  • เด็กสาววัยรุ่นพึ่งจบจิตวิทยามาหมาดๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำงานสายกราฟิก เธอผู้ยังหาค้นหาตัวเองคนนี้มีความสามารถมากมายที่ตัวเองไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา เลยเจอพี่ชูใจจับมาใช้งานให้มั่นใจซักทีว่าตัวเองมีของ
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Editor:
  • Namita
  • สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย