EP.2

เมื่อรู้สึกพระเจ้าอยู่ห่างไกล


ผู้เขียน: Victor M. Parachin
ต้นฉบับ: https://www.ministrymagazine.org/archive/2003/11/times-of-spiritual-darkness-twelve-ways-out.html


ผู้รับใช้ หรือแม้แต่คริสเตียนทุกคนล้วนเคยผ่านช่วงเวลาที่รู้สึกว่าจิตวิญญานแห้งแล้ง เป็นความรู้สึกว่าพระเจ้าทรงอยู่ห่างไกลหรือไม่ก็ไม่รู้สึกถึงพระองค์เลย ในช่วงเวลาแบบนี้แม้คำอธิษฐานก็ดูว่างเปล่า เพลงที่ร้องสรรเสริญพระเจ้าก็ไม่มีพลัง คำเทศนาก็ดูไม่มีชีวิต และพระคำของพระเจ้าก็ไม่ส่งผลอะไรในชีวิตประจำวัน ช่วงเวลาแบบนี้เรียกว่า ”คืนที่มืดมิดแห่งจิตวิญญาณ” คือช่วงที่เรารู้สึกทุกข์ใจจากการไม่สามารถสัมผัสถึงพระเจ้าได้

 

แม้แต่บุคคลในพระคัมภีร์ก็เคยมีประสบการณ์ช่วงเวลาที่เมฆหมอกแห่งความมืดปกคลุมจิตวิญญานหรือดูเหมือนพระเจ้าจะไม่สนพระทัย มีครั้งหนึ่งที่โมเสสเคยตะโกนตัดพ้อพระเจ้าว่า

 

“หากพระองค์จะทรงทำกับข้าพระองค์อย่างนี้ ก็โปรดเมตตาประหารข้าพระองค์เดี๋ยวนี้เถิด”
(กันดารวิถี 11:15)

.

เอลียาห์ก็เคยเป็นคล้ายๆกัน เขารู้สึกท้อแท้และสับสนจนอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า

 

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด”
(1 พงศ์กษัตริย์ 19:4)

.

ผู้เขียนพระคำสดุดีก็มีกล่าวไว้ว่า


“ข้าแต่พระเจ้า เหตุใดจึงทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นนิตย์?
เหตุใดพระพิโรธของพระองค์จึงคุกรุ่นขึ้นต่อแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์?”
(สดุดี 74:1)

 

ถึงแม้ว่าความมืดและแห้งแล้งทางวิญญานนั้นมีจริง แต่ข่าวดีคือเราสามารถทำให้ความรู้สึกแบบนั้นหมดไปได้เร็วขึ้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

 

1. ทิ้งตัวเก่า

โจเซฟ แคมป์เบลเคยให้ข้อสังเกตไว้ว่า “เราต้องพร้อมที่จะทิ้งชีวิตที่เราวางแผนไว้ เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่คอยเราอยู่เบื้องหน้า” ช่วงเวลาที่มืดมนนั้นอาจเป็นสัญญานจากพระเจ้าว่า คุณได้มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตแล้ว จงพร้อมที่จะปรับตัวเข้าสู่การเดินทางในบทใหม่

 

2. มองด้านดีและเล็งถึงสิ่งที่ยอดเยี่ยม

จิตใจของมนุษย์คือเครื่องมือที่ทรงพลัง จงอย่าปล่อยให้มันเสียเปล่าไปกับการคร่ำครวญถึงสิ่งที่คุณไม่มี ไม่เคยสัมผัส หรือไม่เคยได้รับ เพราะความคิดติดลบพวกนั้นมีแต่จะทำให้คุณจมลงไปเรื่อยๆ ในความท้อแท้ หดหู่ และไม่พอใจในชีวิต ทางที่ดีคือให้เรามองเห็นด้านที่ดีและรู้จักคาดหวังถึงสิ่งที่ดีที่สุด ลองนำพระสัญญาของพระเจ้าผ่านทางเยเรมีย์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตดู “เพราะเรารู้แผนการที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนการเพื่อทำให้เจ้ารุ่งเรืองไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เป็นแผนการเพื่อให้ความหวังและอนาคตแก่เจ้า” (เยเรมีย์ 29:11)

 

3. เลือกที่จะเชื่อมากกว่าเข้าใจ

บางครั้งความมืดก็เข้ามาในใจในเวลาที่พระเจ้าเหมือนจะไม่ได้ทรงรับฟังคำอธิษฐานในเรื่องเร่งด่วนของเรา ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้คุณยืดมั่นในความเชื่อมากกว่าความเข้าใจ

 

ตัวอย่างจากนางแคเธอรีน มาแชล ซึ่งพ้นวิกฤติฝ่ายวิญญาณมาได้หลังจากสูญเสียหลานสาวอันเป็นที่รักไป ทั้งๆ ที่เธอเฝ้าอธิษฐานอ้อนวอนขอการรักษาจากพระเจ้า ความตายของหลานสาวทำให้เธอจมดิ่งลงสู่หลุมดำฝ่ายวิญญาณ แต่หลังจากที่ผ่านความโศกเศร้ามาเป็นเวลา 6 เดือน เธอก็กล่าวว่า “เมื่อชีวิตหยิบยื่นสถานการณ์ที่เราไม่อาจเข้าใจได้ เราก็มีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น คือจมปลักอยู่ในความหม่นหมองและตัดขาดจากพระเจ้า หรือเราเลือกที่จะบอกพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ต้องการพระองค์มากยิ่งกว่าความเข้าใจ ข้าพระองค์เลือกพระองค์และเชื่อมั่นว่าพระองค์จะทรงพระทานความเข้าใจให้กับข้าพระองค์ในเวลาที่พระองค์ทรงเห็นควร””และความคิดนั้นก็ทำให้เธอกลับมามีสันติสุขได้อีกครั้ง

 

4. ระลึกถึงความรักเสมอ

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกแย่ขนาดไหน อย่าให้ความรู้สึกครอบงำความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ทรงสร้างคุณด้วยความรักอย่างมากมาย และพระองค์ไม่มีวันหมดรักคุณ ให้พระคำของพระเจ้ายืนยันความจริงข้อนี้กับคุณเสมอ เช่น 1 ยอห์น 3:1  “ความรักที่พระบิดาทรงมีต่อเราทั้งหลายนั้นใหญ่หลวงปานใดในการที่เราได้ชื่อว่าบุตรของพระเจ้า! และเราก็เป็นเช่นนั้น!” หรือ อิสยาห์ 43:4 “เพราะเจ้าล้ำค่าและมีเกียรติในสายตาของเรา และเรารักเจ้า”

 

5. ให้ของประทานที่คุณมีนำคุณไป

เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่มืดมน บางครั้งก็ยากที่จะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหรือเดินไปทางไหน จงให้ของประทานที่พระเจ้ามอบให้คุณนั้นเป็นตัวนำทาง จอห์น คาทัวร์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ถ้าคุณมีเสียงที่ไพเราะ ก็จงใช้มันเพื่อพระสิริของพระเจ้า และเพื่อความสุขของคุณเอง ถ้าคุณเป็นครูที่ดี ก็จงเชื่อว่าพระเจ้าต้องการให้คุณสอนคนอื่น จงใช้ของประทานของคุณเพื่อรับใช้ผู้อื่น”

 

6. มองหาบทเรียนจากความมืดมิด

บุคคลสำคัญที่น่ายกย่องในอดีตต่างก็พบว่าบทเรียนฝ่ายวิญญานนั้นเกิดขึ้นได้ในช่วงที่จิตวิญญานแห้งเหี่ยว ลองสำรวจ วิเคราะห์และทำความเข้าใจสถานการณ์ของคุณ แล้วคุณจะเข้าถึงการหยั่งรู้ ผู้แต่งหนังสือ “ใต้เมฆหมอกของความไม่รู้” (The Cloud of Unknowing) ได้สำรวจจิตใจตนเองในวันที่จิตวิญญานของเขาเข้าสู่ภาวะหดหู่ และเรียนรู้ว่า “ความเย่อหยิ่งเป็นต้นเหตุของความรู้สึกห่างไกลจากพระคุณ และอาจไม่ใช่เพราะว่าคนๆ นั้นยอมจำนนต่อความเย่อหยิ่ง แต่อาจเป็นเพราะถ้าคุณไม่ได้รู้สึกห่างไกลจากพระคุณพระเจ้าแล้ว ความเย่อหยิ่งจะยิ่งหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจเงียบๆ มากกว่านี้อีก ดังนั้นพระคุณของพระเจ้าปกป้องเราไว้อย่างล้ำลึกเกินความเข้าใจ ถึงแม้ผู้เชื่อใหม่บางคนอาจคิดว่าพระเจ้ากลายเป็นศัตรูต่อเขาไปแล้ว”

 

7. รู้จักให้อภัย

คำว่า “ฉันให้อภัยคุณ” เป็นคำที่ทรงพลังมากที่สุดที่คนๆ หนึ่งสามารถพูดได้ ลองถามตัวเองดูว่าภาวะจิตวิญญานหดหู่ของคุณนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรู้สึกโกรธเคืองไม่พอใจ หรือรู้สึกเป็นศัตรูกับใครที่ทำให้คุณเจ็บช้ำอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงลองเปิดใจให้อภัยเขาดูสิ วิธีหนึ่งที่ลองทำดูได้คือการเขียนจดหมายถึงคนที่ทำร้ายคุณ เขียนลงไปว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องระวังไม่ให้กลายเป็นการตำหนิ กล่าวโทษ หรือระบายความโกรธในจดหมายนั้นแต่ให้บอกเขาว่าคุณให้อภัยเขา ส่งจดหมายนั้นไปให้เขาถ้าคุณคิดว่ามันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีกับคนที่อ่านมัน แต่ถ้าหากคนนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว หรือคงไม่รับฟังอะไรจากคุณก็จงเผาจดหมายนั้นซะ เวลาที่คุณมองมันค่อยๆ ถูกเผาไหม้ไปก็จงปล่อยให้ความโกรธของคุณค่อยๆ ลอยหายไปแบบเปลวควันนั้นเถอะ

 

8. เป็นเช่นทูตสวรรค์

ทูตสวรรค์ทั้งปวงคือวิญญาณผู้ปรนนิบัติซึ่งพระเจ้าทรงส่งไปรับใช้บรรดาผู้ที่จะได้รับความรอดเป็นมรดกไม่ใช่หรือ?” ฮีบรู 1:14 ไม่มีอะไรที่จะขยายพื้นที่ในจิตใจได้มากเท่ากับการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น จงเป็นคนที่ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม ในเวลาที่ผู้อื่นไม่กล้าที่จะทำก็จงเป็นคนที่ตอบสนองกับความอยุติธรรมด้วยความเชื่อมั่นและกล้าหาญ ในที่ๆ มีความโหดเหี้ยมและความไม่เท่าเทียมก็จงแสดงความอ่อนโยนและความเข้าใจในที่นั้น ในพระธรรมฟิลิปปี 2:4 อาจารย์เปาโลได้กล่าวว่า “แต่ละคนไม่ควรมุ่งหาประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่ควรคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย” โดยการเป็นดั่งทูตสวรรค์นั้นคุณไม่เพียงได้ช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองด้วย

 

9. จงทำสิ่งที่ถูกต้อง

ถ้าเป็นไปได้ขออย่าให้คุณทำแต่งานโดยเห็นแก่เงินเป็นหลัก มีคนจำนวนมากที่มีการงานที่ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก แต่ก็ยังคงรู้สึกเบื่อหน่าย อึดอัด และไม่รู้สึกเติมเต็มในงานที่ทำ ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกจ้างหรือไม่ก็ตาม จงใช้เวลาเพื่อประเมินจิตวิญญานในอาชีพของคุณ ถามตัวเองว่าคุณรักที่จะทำอะไร คุณทำอะไรได้ดี สิ่งไหนทำให้อารมณ์และจิตวิญญานของคุณชื่นชมยินดีที่สุด และการทำสิ่งที่คุณชอบจะเป็นอาชีพที่ส่งผลดีต่อโลกนี้ได้อย่างไร

 

10. อวยพรผู้อื่น

ถึงแม้ว่าคุณอาจจะกำลังหม่นหมองอยู่ก็ตาม แต่ลองอธิษฐานเผื่อคนรอบตัวที่คุณรู้จักให้ได้รับการอวยพร สันติสุข กำลัง สติปัญญา ความรัก ความยินดี ความมั่งมีและสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ลูก เพื่อนบ้าน นายจ้าง ลูกจ้าง หรือแม้แต่คนแปลกหน้าก็ตาม

 

ลอว์เรนซ์ คัชเนอร์ ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ The Rook of Words: Talking Spiritual Life, Living Spiritual Talk ไว้ว่า “การอวยพรทำให้เรารับรู้ถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่มีในชีวิตอยู่เสมอและทำให้เราตื่นที่จะใช้ชีวิตของเรา ทุกๆ คำอวยพรที่เรากล่าวออกไป เราได้ขยายขอบเขตของความบริสุทธิ์และทำให้ความรักในชีวิตเราเป็นจริงยิ่งขึ้น”

 

11. ไวในการฟัง

เมื่อคุณอธิษฐานขอให้คุณสงบนิ่งต่อหน้าพระเจ้า ตั้งใจฟังเสียงของพระองค์ พระประสงค์ของพระองค์มักแจ่มชัดในความสงบและเป็นส่วนตัว ให้คำอธิษฐานของฮาวเวิร์ด เธอร์แมนนี้นำเราเข้าหาพระองค์ “ขอทรงประทานหูที่ไวในการฟังให้กับข้าพระองค์ ให้ข้าพระองค์มีหูที่พร้อมรับฟังคำตักเตือนแก้ไข คำที่สะท้อนตัวตนของข้าพระองค์ที่ทำให้ข้าพระองค์ได้คิด คำที่ท้าทายให้ข้าพระองค์มอบถวายแด่พระองค์ยิ่งขึ้น”

 

12. วางใจในพระเจ้า
แม้ว่าคุณอาจกำลังรู้สึกหลงทางอยู่ก็ตาม

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรก็ขอให้คุณยังคงเชื่อมั่นในการทรงนำและฤทธิ์เดชของพระองค์ ขอหนุนใจด้วยคำอธิษฐานของโทมัส เมอตัน ที่ว่า “โอพระเจ้าของข้าฯ ข้าฯ ไม่รู้ว่ากำลังไปที่ใด ข้าฯ มองไม่เห็นหนทางเบื้องหน้า ถึงอย่างนั้นก็ตามข้าฯ จะวางใจในพระองค์เสมอไป แม้จะดูเหมือนหลงทาง ข้าฯ ก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าฯ เสมอ อาเมน”


(ติดตามอ่านซีรี่ส์ Life in Crisis ตอนต่อไปได้
ในวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ทางเว็บไซด์ www.choojaiproject.org หรือ
กดติดตามทางเพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/choojaiproject/)


Previous Next

  • Translator:
  • Rungwit K.
  • คุณพ่อตาขีดเดียวของลูกชายวัยซน แต่ถึงจะเป็นพ่อคนก็ยังห่วงใยเยาวชนอยู่นะจ๊ะ เลยมาอาสารับใช้ร่วมกับชูใจไง
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง