16

4 วิธีปล่อยวางความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่


ผู้เขียน: Jade Mazarin

ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: When emotional attachment becomes unhealthy


ในชีวิตของฉันต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความผูกพันทางอารมณ์มามากมาย หลักๆ ก็คือ ฉันทุ่มเทความรู้สึกของตัวเองให้กับใครบางคน และไม่ยอมที่จะตัดใจจากพวกเขา แม้จะรู้ว่าไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับพวกเขาได้ก็ตาม บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้สนใจฉัน บางครั้งเราไปด้วยกันไม่ได้ หรือบางทีฉันก็รู้ว่าความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่แผนการของพระเจ้าสำหรับฉันเลย ถึงในใจลึกๆ แล้วฉันจะเข้าใจก็ตาม แต่ฉันก็ยังมีความรู้สึกผูกพันกับคนๆ นั้นอยู่ดี

.
จนกระทั่งฉันอายุได้ยี่สิบกว่าๆ พระเจ้าก็ได้มอบแนวคิดใหม่ และเตรียมฉันให้พร้อมที่จะรับมือเรื่องนี้ได้ในภายภาคหน้า ฉันเริ่มเข้าใจถึงสาเหตุที่ฉันยังคงมีความรู้สึกผูกมัด ทั้งที่มันไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขแล้ว

สุดท้ายฉันจึงเกิดความคิดที่จะช่วยให้ตัวเองยอมปล่อยวาง

_______________________________________

ทำไมเราถึงไม่ปล่อยวาง?

คำถามแรกที่เราเจอบ่อยๆ เวลาที่เรารู้สึกผูกพันกับใครก็คือ “ทำไมถึงตัดใจไม่ลง” ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีและสร้างความเครียดให้กับเรา แต่ทำไมเราถึงไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า คำตอบนั้นง่ายมาก.. นั่นก็เพราะเราไม่แน่ใจว่าอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า

.
แน่นอนว่าเราคงรู้สึกเหนื่อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราอาจจะรู้สึกโกรธตัวเอง อับอาย รู้สึกละอาย และเครียด เราอาจทึกทักไปเองได้ง่ายๆ ว่าเราเองก็อยากตัดใจแต่ทำไม่ได้

.

ซึ่งในความจริงแล้ว มีบางส่วนของใจเราที่ไม่อยากทำ แม้ว่าเราไม่อยากยอมรับกับตัวเองก็ตาม
ตัวตนภายในของเรากำลังต่อสู้กันอยู่: บางส่วนของเราตระหนักถึงความเจ็บปวดและความสูญเปล่า ขณะเดียวกับที่อีกส่วนหนึ่งของเรากลับยึดความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างคนสิ้นหวัง ส่วนหลังของเรานั่นเองที่ยังยึดติดอยู่กับคนหนึ่งๆ ด้วยเหตุผลมากมาย เช่น เราคิดว่าคนนี้ตรงใจเรา เราไม่เชื่อว่ามีคนที่คู่ควรกับเรามากกว่า เราคิดว่าแค่ยังมีรักเพียงน้อยนิดก็ดีกว่าไม่เหลืออะไร หรือเราไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำคนที่ดีกว่าเข้ามา

.
เราทุกคนต่างรู้จักพระคัมภีร์ข้อนี้เป็นอย่างดี

 

“และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท”

(ยอห์น 8:32)

 

หากเหตุผลเหล่านี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้เรายังคงยึดไว้แน่นอยู่ เช่นนั้นแล้วเราต้องเอาแต่ละข้อออกมาพิจารณาในความสว่างว่ามีความจริงมากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้เหตุผลเหล่านี้มาฉุดดึงเราให้แย่ลง เราสามารถแก้ไขแรงจูงใจแต่ละอย่างได้เมื่อเรายึดตามความเป็นจริง และทำใจยอมรับมัน

_______________________________________

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างวิธีการสำหรับการตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่ไม่เสริมสร้าง

.

1. มองสิ่งต่าง ๆ อย่างที่เป็น

การมองความสัมพันธ์ตามที่เป็นจริงๆ ควรจะเป็นสิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่จะเกิดขึ้น ซึ่งหมายถึงการยอมรับถึงข้อจำกัด และการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างเต็มใจ
Maya Angelou เคยกล่าวไว้ว่า “เมื่อใครสักคนเปิดเผยให้รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร จงเชื่อเขาเถอะ” ในบางครั้ง เราก็เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เรายึดติดกับความเชื่อที่ว่าคนบางคนจะเปลี่ยนแปลงได้ หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นดีกว่าความเป็นจริง เมื่อเรารู้สึกผูกพัน เราจะต้องมีสติในการก้าวออกจากโลกที่สวยเกินกว่าความเป็นจริง เราควรจะเลือกยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าพยายามจะดัดแปลงมัน

.

2. ตระหนักว่าสิ่งที่เราต้องการไม่ได้อยู่ตรงหน้า

ในขณะที่เรายอมรับสิ่งต่าง ๆ อย่างที่เป็น เราเองก็ต้องบอกกับตัวเองด้วยว่าสิ่งที่เรากำลังมองหานั้นไม่ได้พบได้จากที่นี่
เราทุกคนต่างต้องการความรัก ต้องการสันติสุขและความชื่นชมยินดีที่แท้จริงด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นความต้องการลึกๆ ในใจของเรา แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่เสริมสร้างนั้น จะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า เราไม่รู้สึกว่ามีความสุขหรือความมั่นคงเลย ความชื่นชมยินดีที่เรามีนั้นทั้งน้อยนิดและเปราะบาง เพราะผสมกันกับความกังวลหรือความเจ็บปวดที่คาดเดาอะไรไม่ได้ ความรักไหนก็ตามที่เราสัมผัสคือความว่างเปล่าและมาพร้อมกับความผิดหวังที่เรารู้สึกอยู่ข้างใน
แนวคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่เราต้องใคร่ครวญภายในใจเราเอง ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ผูกมัดเราไว้เช่นนี้รังแต่จะสร้างความเจ็บปวด เมื่อนั้นเราก็จะไม่อยากยื้อมันไว้

.
3. เปลี่ยนความสนใจมาที่ตัวคุณเอง

ความผูกพันทำให้เราเอามโนคติของเราไปอยู่รายล้อมรอบคนที่เราไม่น่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วย การถอยห่างออกมาจึงจะช่วยให้เราวางแผนชีวิตและตั้งคำถามกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันทำอะไรเพื่อตัวเองได้บ้าง สิ่งนี้หมายถึงการเปลี่ยนความสนใจของเราจากการครุ่นคิดว่า เขากำลังทำอะไรอยู่ เขาจะรู้สึกอย่างไร และหันมาสนใจตัวเองแทน
หากเรารู้สึกว่าต้องการการเยียวยาหรือการปลอบใจ เราก็ควรจะพาตัวเองให้ไปอยู่ในจุดที่จะได้รับมันด้วย ลองถามตัวเองว่าเราต้องการอิสรภาพแบบไหนเพื่อจะช่วยให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แล้วพยายามไปให้ถึงจุดนั้น
นอกจากนี้ยังต้องเปลี่ยนความสนใจของเรามาที่ศักยภาพของตัวเราอีกด้วยนะคะ และคิดว่าพระเจ้าจะทรงมองเราอย่างไร บางทีเราอาจหมดแรงไปกับการคิดถึงคนอื่น ๆ มากเกินไปจนลืมไปว่าพระเจ้าให้คุณค่า รัก และใส่ใจเรามากเพียงใด ถึงเวลาที่ต้องเอาสิ่งนี้กลับคืนมาแล้วล่ะค่ะ

พระเจ้าประสงค์ที่จะให้คุณเห็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระองค์ พระองค์ต้องการให้เราปฏิบัติกับตนเองด้วยคุณค่าที่พระองค์กำหนดไว้ให้กับคุณเมื่อตอนที่พระองค์ประทานชีวิตให้กับคุณ

.
4. ใคร่ครวญถึงบทบาทของพระเจ้า

 

สิ่งสำคัญคืออย่าลืมว่าเราไม่ได้เผชิญกับปัญหานี้เพียงลำพัง เรายังมีพระบิดาผู้ทรงอยู่เคียงข้างเรา ทรง “เข้าใจ” ว่าเรารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เราทำ และทรงรู้ด้วยว่ายังมีอะไรที่รอเราอยู่อีกในอนาคต ไม่เพียงแค่อยู่เคียงข้างเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังควบคุมทุกอย่างได้อีกด้วย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญว่าคนๆ นี้ไม่ใช่ และเราก็ไม่ได้ทำให้เรื่องมันแย่ หรือพลาดไปจากแผนการอันสมบูรณ์แบบของพระองค์ แต่พระองค์ทรงมีเหตุผลสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นจงปล่อยวางเพื่อจะเปิดรับสิ่งดี

_______________________________________

โดยพื้นฐานแล้ว การปล่อยวางความผูกพันจะเริ่มต้นด้วยการตัดสินอย่างรอบคอบที่จะทำเช่นนั้น ทุกครั้งที่การตัดสินใจของคุณสั่นคลอน ให้ย้อนไปทำตามวิธีข้างต้นอีก หรือคุณอาจเข้าหาเพื่อนๆ หรือครอบครัวที่จะช่วยให้มุมมองของสถานการณ์ได้อย่างตรงไปตรงมา และช่วยให้ความกระจ่างกับคุณได้

.
คุณไม่ได้เผชิญกับปัญหานี้เพียงคนเดียว การผูกมัดทางอารมณ์เป็นปัญหาทั่วไปอีกปัญหาหนึ่งที่ที่เราต้องพบบ่อยที่สุด อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ที่คุณเห็นก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นกัน ในวันจันทร์คุณอาจเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธและพร้อมที่จะตัดใจในเรื่องนี้ แต่พอถึงวันพุธคุณรู้สึกโศกเศร้ากับความต้องการที่จะติดต่อคนคนนั้น วันเสาร์คุณอาจโทรหาเขาหรือเธอ แล้วพอถึงวันอาทิตย์คุณก็มานั่งเสียใจที่ทำแบบนั้นไป

.
นี่เป็นเรื่องปกติมาก และเราก็จะไม่อยู่ในสภาพนี้ไปตลอด เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกเหล่านี้มีแต่จะขยายวงกว้างออกไป เหมือนกับฤดูกาลนึงที่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น สุดท้ายแล้วคุณจะค่อยๆ ผ่านพ้นมันไปได้

.

ดังนั้น จงชื่นชมยินดีไปกับทุกช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเป็นอิสระ ทุกการกระทำที่คุณใส่ใจกับชีวิตที่เปี่ยมสุขของคุณ ร้องออกมาให้เต็มที่ หากความเศร้าโศกกำลังก่อตัวขึ้นในใจคุณเมื่อไหร่ ขอเพียงหวนกลับมาคิดให้ได้ว่าทำไมเราถึงยอมตัดใจจากเขา เข้าใจเถอะว่าแม้ในตอนนี้สถานการณ์อาจดูแย่ แต่สิ่งต่างๆ จะง่ายแน่นอนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป บางครั้งคุณอาจพลาดกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่คุณยังตัดสินใจอย่างหนักแน่นที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า รัก เอาใจใส่ และอดทนกับตัวเอง อย่างที่พระเจ้าทรงทำกับคุณ


<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคาร สีชมพูววว์ นะจ๊ะ <3


Previous Next

  • Translator:
  • Jonah
  • นักแปลในชีวิตจริง และในทีมชูใจ รักพระเจ้า รักเมีย รักหมาแต่ไม่รักเด็ก เฟสบุ้คมีไว้อัพแค่เรื่องบอล หมา และเมีย อ้อ! และของกินที่เมียทำ
  • Editor:
  • Gade Rammasoon
  • จากแฟนคลับชูใจ พลิกผันมาเป็น Editor เรียบเรียงคำแปลในทีมชูใจ เธอผู้นี้ถวายตัวรับใช้พระเจ้ากับ YWAM มีทั้งงานแปล งานสอน และเต้นรำเพื่อการนมัสการ! ภารกิจรัดตัวแต่ก็ยังอาสามาช่วยชูใจน้องๆ กัน