EP.19/1

ถอดบทเรียนจากวิชาอกหัก ตอน 1/2


ผู้เขียน: Marshall Segal
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: Nine Lessons for Breakups


หลายคนพบกับช่วงมืดมนของชีวิตหลังจากเลิกกับแฟน…

คุณวางหัวใจเป็นเดิมพัน แบ่งปันชีวิตของคุณกับคนอีกคน เสียเงินเสียทองซื้อของขวัญให้ สร้างความทรงจำและแต่งเติมความฝันมาด้วยกัน แต่สุดท้ายทั้งหมดกลับพัง! แล้วคุณก็ต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งการหาคู่อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกว่ามันเหงายิ่งกว่าตอนแรก และประตูวิวาห์ยิ่งดูห่างไกลมากกว่าเดิม เพราะทุกอย่างที่คุณทุ่มเทและสูญเสียไป

___________________________________

คงไม่มีใครเริ่มต้นความสัมพันธ์เพราะอยากจะพังมันลงซักวันหนึ่ง พวกเราส่วนใหญ่ก็หวังไปถึงการแต่งงานทั้งนั้น เราต่างก็โหยหาความรัก ความชื่นชม ความมั่นคง มิตรภาพ การอุทิศตัวต่อกัน ความใกล้ชิดและการช่วยเหลือ อันที่จริงพระเจ้าก็อยากให้พวกเราส่วนใหญ่แต่งงานนั่นแหละ (ปฐมกาล 2:18, สุภาษิต 18:22, 1 โครินธ์ 7:2,9) แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้การแต่งงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นเลย

.

ชีวิตจริงก็คือ ความสัมพันธ์ที่ดีที่ถวายเกียรติพระเจ้ามักจบลงก่อนจะไปถึงขั้นแต่งงาน มันสร้างความเจ็บชนิดบาดลึกและปวดนานกว่าความเจ็บปวดครั้งไหนๆ ที่หนุ่มสาวเคยเจอมา แม้แต่ตอนที่เขียนเรื่องนี้ผมยังรู้สึกได้เลย นี่เป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งสำหรับผมที่จะเขียนหรือพูดออกมา

.

ความสัมพันธ์ระหว่างคนในคริสตจักรที่จบลงนั้นเจ็บปวดและสร้างความอึดอัดใจ และพวกเราหลายคนก็เคยผ่านหรือไม่ก็กำลังผ่านช่วงเวลาเหล่านี้อยู่ ดังนั้น ผมอยากเสนอ 9 วิธีในการสร้างความหวังและความรัก สำหรับคริสเตียนคนไหนที่พึ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ

.

1. การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย (เป็นสิ่งที่ควรทำด้วยซ้ำ)

ความสัมพันธ์ที่จบลงมักสร้างความเจ็บปวด คุณอาจจะไม่ทันตั้งตัวแบบอยู่ดีๆ อีกฝ่ายหนึ่งก็อยากจบความสัมพันธ์เอาดื้อๆ หรือบางทีคุณก็คิดว่าควรหยุดความสัมพันธ์นี้ แต่รู้สึกว่ายากซะเหลือเกินที่จะบอกกับอีกคนนึง คุณอาจคบกันมาหลายปี คุณรักครอบครัวและเพื่อนของเขาด้วย ถึงแม้จะไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน แต่การเลิกราอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังหย่าจากคนรักได้เลยทีเดียว

.

จริงๆ มันก็มีเหตุผลอยู่นะที่คุณรู้สึกแบบนั้น คุณไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อความเจ็บปวด พระเจ้าทรงออกแบบให้ความรักสำแดงอยู่ในความซื่อสัตย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (ปฐมกาล 2:24, มัทธิว 19:9, โครินธ์ 7:2-13) เพราะการคบหาดูใจเป็นวิธีเดียวที่จะนำไปสู่การแต่งงาน มันจึงควรสอดคล้องกับการแต่งงานที่พระเจ้าทรงออกแบบไว้ ดังนั้นการพุ่งเข้าไปในความสัมพันธ์เร็วเกินไป หรือจบความสัมพันธ์โดยไม่คิดให้ถี่ถ้วนจึงไม่ได้สะท้อนพระประสงค์ของพระเจ้า

.

ผมไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่เราคบจะลงเอยด้วยการแต่งงานเสมอไปหรอกนะ แต่การเลิกราสร้างความเจ็บปวดแน่ๆ ความเสียใจที่เกิดขึ้นจากการเลิกรานั้นเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล และยังเป็นสิ่งดีอีกด้วย ไม่ต้องไปรู้สึกอายหรือปิดบังมันไว้ พระเจ้าทรงสร้างคุณมาให้ชื่นชมยินดีและเติบโตขึ้นในความรักแท้ ดั่งความรักที่พระเจ้าทรงมีให้เจ้าสาวของพระองค์ ดังนั้นจงกล้าที่จะรู้สึก และรู้อยู่เสมอว่าความเจ็บปวดกำลังชี้ให้เห็นถึงความงดงามของพระเจ้าและความรักนิรันดร์ของพระองค์ที่มีต่อคุณ

.

ถ้าคุณไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ก็ควรจะหัดเจ็บปวดซะบ้าง ถ้าคุณสามารถเริ่มต้นและจบความสัมพันธ์ใดๆ ได้โดยไม่เจ็บปวดหรือรู้สึกผิดเลย ผมว่าคงมีอะไรผิดปกติแล้วล่ะ คุณไม่จำเป็นต้องแพ้ยับเยินทุกครั้งที่ความสัมพันธ์จบลงหรอกนะ แต่ควรจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องในความสัมพันธ์นั้น พระเจ้าจำเป็นต้องให้เราเรียนรู้ความหมายของความสัมพันธ์ที่จบลง เพื่อเป็นตัวอย่างของมุมมองที่ผิดเพี้ยนเกี่ยวกับพระองค์

.

2. อย่าพึ่งเริ่มใหม่เร็วเกินไป

การยอมรับรู้แผนการของพระเจ้าที่ทรงออกแบบความสัมพันธ์และการแต่งงานไว้อย่างยั่งยืนจะช่วยให้เรารู้สึกและก้าวไปสู่การแต่งงานอย่างถูกต้อง หนึ่งในความผิดพลาดร้ายแรงที่มักจะเกิดขึ้นคือการเริ่มต้นใหม่เร็วเกินไป โดยเฉพาะในยุคของสื่อสังคมออนไลน์ที่การหาคู่ใหม่เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

“พระเจ้าทรงสร้างคุณมาให้ชื่นชมยินดีและเติบโตขึ้นในความรักที่ยั่งยืน พระเจ้าไม่ได้สร้างหัวใจคุณเพื่อจะถูกใช้เป็นของเล่นนะครับ”

ความรักก็สามารถกลายเป็นความเสพติดได้ ถ้าคุณคุ้นเคยกับการออกเดท จับมือถือแขน แลกเปลี่ยนรอยยิ้ม ส่งข้อความหวานแหวว และเอาอกเอาใจกันอยู่ตลอด คุณก็จะอยากได้สิ่งเหล่านั้นมากขึ้น และวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะได้มาก็คือการเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในทันที แต่ถ้าเราเห็นแก่พระเจ้า คนรอบข้าง แฟนเก่า และคู่ครองในอนาคตของเรา เราควรจะ “อดใจรอก่อน” ใช้เวลาอธิษฐานและเริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป ผมคิดว่ามันดูไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยที่จะทิ้งคนที่เจ็บปวดไว้กลางทางเพื่อมุ่งมั่นหาคู่มาเติมความรักให้ตัวเอง

.

อย่าคิดไปเองว่า คุณคงจะไม่ได้แต่งงานถ้าคุณไม่คบใครซักคนซะเดี๋ยวนี้ บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะทำเพื่อคู่ครองในอนาคตได้ก็คือการ “ยังไม่คบ” นั่นแหละ ยิ่งถ้าคุณมีประวัติการเดทยาวเป็นหางว่าวแล้วละก็ คุณยิ่งควรจะพักเรื่องเดทไว้บ้าง ใช้เวลานี้ที่จะรวมกลุ่มกับเพื่อนอีกครั้ง ปล่อยให้ตัวเองได้เติบโต และเรียนรู้จังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ดีกว่านะ

.

3. คุณอาจจะพลาดไป แต่พระเจ้าไม่เคยพลาด

ความสัมพันธ์อาจจบลงเพราะความอ่อนแอหรือนิสัยที่แก้ไม่หายบางอย่างของเรา ซึ่งทำให้เราไม่สามารถแต่งงานกับใครบางคนได้ แต่นั่นไม่ได้ทำลายพระคุณของพระเจ้าที่มีอยู่ในตัวเราเลย

.

ความบาปที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์นั้นเห็นได้ชัดเจนและสร้างความเจ็บปวดอย่างที่สุด ยิ่งเราเปิดให้อีกคนเข้ามามีส่วนในชีวิตและจิตใจของเรามากเท่าไหร่ ความบาปก็ยิ่งแสดงตัวตนออกมาและสร้างความเจ็บปวดให้อีกคนหนึ่งมากเท่านั้น เมื่อเราเข้าใกล้กันมากขึ้น ความบาปของเราก็ยิ่งเป็นตัวอันตราย เพราะนิสัยแย่ๆ ของเราสามารถไปทำร้ายคนอื่นได้ง่ายๆ

.

แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นจบลง แต่ไม่ใช่พระเจ้าแน่นอน เพราะคำสัญญาของพระเยซูที่จะไม่ทอดทิ้งคุณยังคงเป็นจริงเสมอ ไม่ว่าคุณจะมีสถานะอะไรก็ตาม ถ้าคุณเชื่อวางใจให้พระเจ้าอภัยความบาปของคุณและบากบั่นที่จะเชื่อฟังพระองค์ พระองค์จะไม่ทอดทิ้งคุณแม้คนอื่นจะทอดทิ้ง พระองค์ไม่เคยหยุดรักคุณแม้ในช่วงเวลาที่คุณอกหัก หรือแม้ว่าคุณเองที่เป็นต้นเหตุของความสัมพันธ์ที่จบลงนั้นก็ตาม พระประสงค์ของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าความผิดพลาดของคุณ

.

4. คุณเป็นคนที่ ‘ดีขึ้น’ จากการได้รักและสูญเสีย

ความสัมพันธ์ที่จบลงมักมาพร้อมกับความรู้สึกอับอายและแตกสลายอย่างบอกไม่ถูก เรื่องความสัมพันธ์และความรักอาจดูเป็นเรื่องที่น่ายินดีโดยเฉพาะในโบสถ์ เพราะพวกเราชอบเรื่องการสมรส (ในแบบที่ถูกต้อง) กัน แต่ก็เพราะแบบนี้ เวลาคู่รักในโบสถ์เลิกกันจึงเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าอึดอัด อย่างดีก็รู้สึกกระอักกระอ่วน หรืออย่างร้ายก็กลายเป็นขี้ปากให้คนซุบซิบนินทาไป

.

ทีนี้คุณอาจรู้สึกเหมือนเป็นสินค้ามีตำหนิ เหมือนชีวิตตัวเองยับเยินไปแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้าหรือสายตาของคนอื่น แต่ความจริงที่ไม่น่าเชื่ออย่างหนึ่งก็คือ คุณที่เคยยับเยินนั้นดีกว่าคุณคนเดิม ถ้าหากในเวลาแห่งความทุกข์ใจนั้นคุณหันไปหาพระเจ้าและสารภาพบาปที่ทำลงไป คุณยังคงมีค่าสำหรับพระบิดาในสวรรค์เหมือนที่คุณเคยเป็นมา และพระองค์กำลังใช้ทุกๆ ความเจ็บปวด ความผิดพลาด และความเสียใจเพื่อปั้นแต่งคุณให้เป็นดั่งที่พระองค์ประสงค์ให้เป็น และให้คุณชื่นชมยินดีในพระองค์

.

เมื่อเราสูญเสียสิ่งที่เคยหมายปอง กลับเป็นโอกาสให้ได้ระลึกว่า สิ่งที่เรามีอยู่นั้นเล็กน้อยเพียงใดหากไม่มีพระเยซูคริสต์และการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นปัญญาแก่ผู้ไร้ปัญญา เป็นความชอบธรรมแก่คนบาป การช่วยกู้แก่ผู้ที่แตกสลาย และการไถ่บาปแก่ผู้หวาดกลัวและหลงหาย (1 โครินธ์ 1:30) ทรงเป็นความรัก ความมั่นคง และตัวแทนของคนโสดที่ความสัมพันธ์พึ่งจบลง เพราะอย่างนี้เอง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราจะจบลง เราก็ยังสามารถโอ้อวดได้ หากเราโอ้อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า (1โครินธ์ 1:31)

.

ในทางของพระเยซู พระเจ้าทรงกระทำแต่สิ่งดีในชีวิตเรา พระองค์ทรงใช้ทุกเหตุการณ์ที่เราเผชิญเพื่อให้ชีวิตนิรันดร์ เสรีภาพ และสันติสุขแก่เรา พระองค์ทรงให้คุณค่ากับความชื่นชมยินดีแท้จริงในพระองค์มากกว่าความสะดวกสบายชั่วคราวของเรา สักวันหนึ่งพระองค์จะทรงเปลี่ยนสิ่งชั่วคราวให้เป็นสิ่งที่ยั่งยืนถาวร และเราจะดีใจเมื่อพระองค์ทรงทำเช่นนั้น โดยรู้ว่าพระองค์กำลังประทานสิ่งดีให้เรา ถึงแม้ในเวลานั้นเราจะรู้สึกแย่ก็ตาม

___________________________________

บทความยาวมว๊าก กลัวจะรูดจอกันจนนิ้วเมื่อย เลยตัดตอนให้ไปติดตามตอนต่อไปอาทิตย์หน้านะจ๊ะ


<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคาร สีชมพูววว์ นะจ๊ะ <3


Previous Next

  • Translator:
  • Nava
  • หนึ่งในทีมผู้แปลชูใจ ผู้สืบทอดกิจการสายไหมของครอบครัว จบศึกษาอิงค์ แต่ไม่ได้อยากเป็นครูในระบบ มีความมุ่งมั่นที่จะตามหาฝันไปไกลถึงเมืองที่มีแกะมากกว่าประชากรในประเทศ
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง