EP.21

2 เคล็ดลับชีวิตคู่ ทำได้รักไม่มีล่ม!


ผู้เขียน: Douglas Wilson
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: Love and Respect: Basics for Marriage


พระคัมภีร์สอนว่าคริสเตียนควรให้เกียรติแก่คนทุกคน (1 เปโตร 2:17)  เพราะมนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า เราจึงถูกเรียกให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นนั้น และพระคัมภีร์เองยังบัญญัติไว้ว่า ให้เรารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (เลวีนิติ 19:18) แล้วพระเยซูก็ทรงชี้แจงข้อนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นจากพระธรรมที่เราคุ้นเคยกันดีว่า เพื่อนบ้านก็คือ ใครก็ตามที่พระเจ้าจัดวางไว้ตรงหน้าเรา (ลูกา 10:29–37)   ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว คริสเตียนทุกคนควรจะรักและให้เกียรติกับคนทุกคนด้วย

 

แต่เมื่อเข้าสู่โหมดความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา พระคัมภีร์ยิ่งเน้นย้ำเรื่องนี้มากเข้าไปใหญ่ สามีถูกสั่งให้รักภรรยาเสมือนที่พระคริสต์รักคริสตจักร (เอเฟซัส 5:25) และภรรยาได้รับคำสั่งให้ยำเกรงสามีดั่งเช่นยำเกรงพระคริสต์ (เอเฟซัส 5:33) 

 

___________________________________

.

“จากพระคัมภีร์ตอนนี้

มีหลักการสำคัญๆ อยู่ 3 ประการที่ผมอยากจะแบ่งปัน”

.

พระเจ้าเรียกให้เราทุกคน รักและให้เกียรติ

 

“สตรีซึ่งเป็นที่รักของสามีจักงามขึ้นฉันใด 

บุรุษซึ่งได้รับเกียรติจากภรรยานั้นไซร้ก็จักเป็นที่ยกย่องนับถือมากเช่นกัน”

 

แค่ข้อแรกก็จี้ตรงไปที่จุดอ่อนของเราพอดิบพอดี เราถูกเรียกให้ทำในสิ่งที่ถ้าไม่มีใครบอกก็ไม่ทำ ในพระคัมภีร์ (เอเฟซัส 6:1)  ก็มีตัวอย่างว่า มีคำสั่งให้เด็กๆ เชื่อฟังพ่อแม่เพราะการที่เด็กจะไม่เชื่อฟังพ่อแม่นั้นก็ง่ายกว่า  เหมือนกันครับ สามีก็ได้รับคำสั่งให้ ‘รัก’ ภรรยาเพราะก็เป็นเรื่องง่ายที่สามีจะไม่ทำเช่นนั้น ฝ่ายภรรยาก็ไม่ต่างกัน ได้รับคำสั่งให้ ‘ให้เกียรติ’ สามีเพราะเป็นเรื่องง่ายกว่าที่ภรรยาจะไม่ให้เกียรติสามีของตน  เราถูกเรียกให้ทำในสิ่งที่เราไม่สามารถทำเองได้โดยธรรมชาติ เพราะถ้าเราทำได้อยู่แล้ว พระคัมภีร์คงไม่ต้องเรียกให้เราทำเช่นนั้น

 

จะเห็นได้ว่า ผู้หญิงมักจะรักได้ดีกว่าผู้ชาย และผู้ชายก็ถนัดให้เกียรติมากกว่าผู้หญิง ซี เอส ลูอิสซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้หญิงคิดว่าความรักคือการจัดการปัญหาให้คนอื่น ซึ่งใกล้เคียงกับนิยามของความรักแบบอากาเป้ในพระคัมภีร์ ส่วนผู้ชายมักคิดว่า ความรักคือการไม่สร้างปัญหาให้ผู้อื่น

 

ดังนั้นผู้ชายจึงถูกเรียกให้เสียสละเพื่อภรรยาของตนโดยการจัดการปัญหาให้แก่เธอ ดังเช่นที่พระคริสต์ได้ทรงเสียสละพระองค์เองเพื่อคริสตจักร ส่วนผู้หญิงก็ต้องถูกกระตุ้นให้ให้เกียรติแก่สามี เพราะผู้หญิงสามารถรักผู้ชายที่เธอไม่ได้ยกย่องหรือให้เกียรติสักเท่าไหร่ได้ ซึ่งจุดนี้อาจารย์เปาโลมองว่าเป็นปัญหา เพราะกี่ครั้งกี่หนแล้วที่เราได้ยินเรื่องราวของผู้หญิงที่ยังกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าที่ชอบทำร้ายร่างกาย เพียงเพราะเธอรักเขา ทั้งที่เค้าปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นขยะชิ้นนึง แต่ถ้าเราถามเธอว่าเธอให้เกียรติเขามั้ย เธอจะตอบว่า “จะบ้าเหรอ!? คนอย่างมันอ่ะนะ?”  ดังนั้นผู้ชายจึงได้รับการทรงเรียกให้อุทิศตัวแก่ภรรยา  นี่แหละครับ คือความหมายของการแต่งงาน

 

.

ผู้ชายถูกขับเคลื่อนด้วยการให้เกียรติ
ส่วนผู้หญิงขับเคลื่อนด้วยความรัก

ประการที่สอง บัญญัตินี้เปิดเผยให้เห็นถึงความต้องการของผู้เป็นฝ่ายรับ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าพระคัมภีร์กล่าวว่าผู้เลี้ยงแกะย่อมดูแลฝูงแกะของตน ก็อาจสรุปได้ว่าแกะจำเป็นต้องได้รับอาหาร เมื่อสามีได้รับการทรงเรียกให้รักภรรยานั่นก็สรุปได้ว่า ภรรยาจำเป็นต้องได้รับความรัก เมื่อภรรยาได้รับการทรงเรียกให้ให้เกียรติสามี ก็สรุปได้เช่นกันว่าสามีจำเป็นต้องได้รับเกียรติ ตัวอย่างง่ายๆ ที่จะทำให้เราเห็นภาพตามก็คือ รถที่ใช้น้ำมันคนละชนิดอย่างดีเซลกับเบนซิน รถสามีก็ขับเคลื่อนด้วยเกียรติ และรถภรรยาก็ขับเคลื่อนด้วยความรักนั่นเอง

 

“จงเติมถังบรรจุความรักของคู่สมรสคุณให้เต็ม
ผู้ชายขับเคลื่อนด้วยการให้เกียรติ ส่วนผู้หญิงก็ขับเคลื่อนความรัก”

 

ที่ยกเรื่องนี้มาเขียนถึงเพราะอยากเน้นย้ำเรื่องความสัมพันธ์ เพราะโดยพื้นฐานทุกคนควรจะได้รับความรักและการให้เกียรติ แต่เมื่อพระคัมภีร์พุ่งประเด็นไปที่การใช้ชีวิตฉันสามีภรรยา สามีจึงถูกเรียกให้รักภรรยา และภรรยาก็ถูกเรียกให้ให้เกียรติแก่สามี ผู้ชายจึงควรจำไว้เสมอว่า ภรรยาจำเป็นต้องได้รับความรักและผู้หญิงจึงควรจำไว้เสมอว่า สามีจำเป็นต้องได้รับเกียรติ

 

การจดจำสิ่งนี้ไว้ก็เพื่อจะเตือนใจเราให้หลีกเลี่ยงการให้แต่สิ่งที่เราอยากได้รับ นักเขียนนิยายชื่อดัง จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เราไม่ควรปฏิบัติต่อคนอื่นในแบบที่อยากให้คนอื่นทำกับเรา เพราะรสนิยมของเขาอาจจะไม่เหมือนกับเรา ผมรู้จักกับสามีคนหนึ่งที่ซื้อปืนสั้นอย่างดีให้ภรรยาเป็นของขวัญวันคริสต์มาส และภรรยาของเขาก็เป็นผู้หญิงคริสเตียนที่หลักแหลมมาก ดังนั้นวันคริสต์มาสปีถัดมาเธอก็ให้ของขวัญเค้าเป็นสร้อยไข่มุกอย่างดีเส้นนึงเช่นกัน เธอเล่าให้ภรรยาผมฟังว่า “ไข่มุกเส้นนั้นเป็นมุกน้ำงามเลยล่ะเธออออ”

 

บ่อยครั้งที่ชีวิตคู่อยู่ในภาวะคับขัน คู่สมรสมักจะให้ในสิ่งที่ตนรู้สึกว่าตนต้องการ เช่น ภรรยาจะเข้าหาสามีด้วยความรักในเวลาที่ควรจะให้เกียรติมากกว่า ในขณะที่สามีก็มักจะออกห่าง ภรรยาเพราะคิดว่าภรรยาคงจะอยากได้เวลาส่วนตัวซึ่งเขาคิดว่านั่นเป็นการให้เกียรติ ในยามที่มีแต่ความรักเท่านั้นถึงจะทำให้เรื่องจบลงด้วยดีได้

 

 .

ทั้งความรักและการให้เกียรติล้วนมีพลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

 สำหรับข้อที่สามนี่ถือเป็นผลของการกระทำ นั่นคือ ทั้งความรักและการให้เกียรติล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีพลัง! พระคัมภีร์สอนว่าความรักเช่นนี้ได้ผลชะงัดนัก และการให้เกียรติเช่นนี้ก็มีพลัง  ความรักเช่นนี้ส่งผลให้เกิดความรักที่งดงาม การให้เกียรติเช่นนี้ก็ส่งผลให้เกิดความถูกต้องดีงาม

 

“ผู้ชายมักคิดว่าความรักคือการไม่สร้างปัญหาให้ผู้อื่น
แต่ผู้หญิงกลับคิดว่าความรักคือการจัดการปัญหาให้ผู้อื่น”

 

สามีทั้งหลายไม่สามารถที่จะเลียนแบบความรักของพระเยซูคริสต์ซึ่งทำให้เจ้าสาวของพระองค์งดงามขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเมื่อเรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระเยซูคริสต์ได้ตายเพื่อเรา (โรม 5:8) แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถผลิตความรักเช่นพระองค์ได้ สามีก็ยังถูกเรียกให้เลียนแบบพระคริสต์ และเมื่อสามีเลียนแบบพระคริสต์เราก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่วัดได้ ผู้หญิงที่เป็นที่รักของสามีคือผู้หญิงที่จะงดงามมากยิ่งขึ้น การเชื่อฟังของสามีเป็นการชำระเธอ​ด้วย​น้ำ​แห่ง​พระ‍วจนะ (เอเฟซัส 5:26)  ซึ่งในบริบทของพระคำตอนนี้สันนิษฐานว่านี่คือความรักที่ทำให้คริสตจักรงดงามขึ้น และพลานุภาพก็จะพบได้ในการให้เกียรติจากผู้หญิงของพระเจ้า เป็นพลังเช่นที่เปโตรได้กล่าวว่า ความประพฤติที่นอบน้อมและถ่อมใจของภรรยาจะสามารถจะทลายกำแพงจิตวิญญาณที่ดื้อดึงของสามีได้ (1 เปโตร 3:1-2)

.

ดังนั้น ทั้งชายและหญิงควรที่จะรักและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ควรปฏิบัติต่อกันด้วยความความเต็มใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตสมรสแล้ว ผู้ชายต้องหัดรักให้มาก ส่วนผู้หญิงต้องรู้จักให้เกียรติเยอะๆ แล้วชีวิตคู่ก็จะมีแต่รุ่งกับรุ่ง!


<3 พบกับ #LoveCoach และ #โค้ชเจเจ้ คอลัมน์ตอบปัญหาความรักในสไตล์คริสเตียนได้ทุกวัน อังคาร สีชมพูววว์ นะจ๊ะ <3

 


Previous Next

  • Translator:
  • Por Paula
  • พอลล่า รักเด็กและหน้าก็เด็ก บุคลิกร่าเริงสดใสวัยรุ่นชอบ จึงคร่ำหวอดในงานพันธกิจวัยรุ่น ชอบเดินทางเน้นกินและถ่ายรูป มีความสามารถทั้งการเขียน การแปล เห็นงานชูใจเลยคันไม้คันมืออยากมาร่วมแจมกัน!
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง