EP.1

จะรับมือกับความกระวนกระวายที่มากับปีใหม่ยังไงดี


ผู้เขียน: Marshall Segal

ต้นฉบับ: Another New Year Knocks: Where to Take Your Anxiety About Tomorrow

 


 

ทำไมความสุขในวันคริสต์มาส

ถึงได้กลายเป็นความกังวลในช่วงปีใหม่ได้เร็วนักนะ?

 

หลายครั้งที่รู้สึกแบบนี้ก็เป็นเพราะความสุขนั้นไม่ได้เกิดจากการหยั่งรากลึกในองค์พระเยซูคริสต์ ถึงแม้เราจะคิดว่าเราได้เชื้อเชิญและต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดีแล้วด้วยการฉลองคริสต์มาส และเราก็คิดว่าคริสต์มาสจะต้องมีแต่เรื่องของพระกุมารเยซูจนกลายเป็นว่าเราพยายามปกปิดความกลัวและภาระปัญหาไว้ภายใต้แสงไฟและกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาล แทนที่จะเชื่อพึ่งและฝากเรื่องที่กังวลไว้กับพระองค์

 

แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง ความรับผิดชอบต่างๆ ก็กลับมาเหมือนเดิม ทั้งสิ่งที่ต้องตัดสินใจและปัญหาที่รอคอยการแก้ไขที่ไม่สามารถผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป เมื่อนั้นแหละที่ความกังวลใจทอดเงามืดทับความรู้สึกชื่นชมยินดีในใจคุณจนยากที่จิตใจจะต้านทานเอาไว้ได้

 

เหตุผลที่เราหลายคนรู้สึกไม่มั่นคงและกระวนกระวายในช่วงท้ายปีก็เพราะเราคิดว่า ของขวัญจะนำพาเราไปถึงพระเจ้า เราแสวงหากำลัง ความหวัง ความชัดเจน และเป้าหมายจากสิ่งอื่นทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงเป็นผู้เดียวที่ประทานให้ได้

 

แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง

เมื่อกษัตริย์ดาวิดตกอยู่ในภาวะจิตวิญญาณแห้งแล้งและไม่สงบ พระองค์ทรงรู้ว่าจะหันไปพึ่งใคร ใน สดุดี 143:6 กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวไว้ว่า

 

“…จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์อย่างแผ่นดินที่แห้งผาก”

(สดุดี 143:6)

 

ในช่วงที่สภาพจิตใจแย่จนถึงจุดต่ำสุดและอนาคตดูมืดมนสิ้นหวัง กษัตริย์ดาวิดไม่ได้หาอะไรทำเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น แต่พระองค์กลับคลานเข้าหาพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งน้ำเดียวที่ทำให้พระองค์เคยอิ่มใจได้อย่างแท้จริง ทรงแสวงหาที่จะดื่มน้ำแห่งชีวิตนั้น และปล่อยให้ความทุกข์และจิตใจที่บอบช้ำหามพระองค์ไปบนแคร่แห่งความอ่อนแอเพื่อไปหาพระเจ้า

 

ถ้าเราปล่อยให้ความกระวนกระวายและความกระหายพาเราไปถึงพระเจ้า พระองค์จะทรงประทานสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงในการเริ่มต้นปีใหม่ เหมือนกับที่กษัตริย์ดาวิดได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในพระธรรมสดุดีบทต่อๆ มา พระเจ้าจะทรงประทานกำลังให้เราแต่สิ่งนั้นไม่ได้มาจากตัวเราเอง ทรงประทานความหวังที่มีราคาอันสูง ทรงประทานความชัดเจนแต่ไม่ใช่เพื่อควบคุม ทรงประทานสง่าราศีแต่ไม่ใช่เพื่อตัวเรา

 

ทรงเป็นกำลังสำหรับผู้อ่อนล้า

ถึงแม้ว่ากำลังที่จำเป็นสำหรับเราในทุกๆ วันจะวัดได้จากอาหารที่เราได้รับหรือไม่ก็จำนวนนาทีที่เราหลับ แต่แท้จริงแล้ว กำลังที่เราต้องการมากที่สุดก็คือพลังฝ่ายจิตวิญญาณที่จะปกป้องเราไว้จากการทดลองจากการยั่วยุของความบาป

 

“เพราะศัตรูไล่กวดข้าพระองค์ เขาขยี้ชีวิตข้าพระองค์ลงถึงดิน

เขาทำให้ข้าพระองค์อยู่ในที่มืด เหมือนคนที่ตายนานแล้ว

จิตวิญญาณข้าพระองค์จึงอ่อนระอาอยู่ภายใน และใจข้าพระองค์ก็กลัวลาน

ข้าพระองค์ระลึกถึงสมัยเก่า

ข้าพระองค์ใคร่ครวญถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์

ข้าพระองค์ตรึกตรองถึงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์

ข้าพระองค์ชูมือทั้งคู่ไปยังพระองค์

จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์อย่างแผ่นดินที่แห้งผาก”

(สดุดี 143:3-6)

 

เมื่อกษัตริย์ดาวิดต่อสู้กับความกลัวด้วยกำลังของตัวเองจนหมดเรี่ยวแรง พระองค์ไม่ได้จดจ่อที่ตัวเองอีกต่อไป แต่ทรงยื่นมือที่ว่างเปล่าออกไปหาพระเจ้าองค์เดียวของพระองค์ที่เคยกระทำกิจและต่อสู้เพื่อพระองค์มาหลายต่อหลายครั้ง

 

ทรงเป็นความหวังของคนบาป

ดาวิดรู้ตัวดีว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพระองค์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผู้อื่นทำผิดต่อพระองค์ แต่เป็นพระพิโรธของพระเจ้าที่มาถึงพระองค์เพราะความบาปที่ได้ทรงได้กระทำไว้

 

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์ จิตวิญญาณของข้าพระองค์ฝ่อไปแล้ว

ขออย่าซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์

เกรงว่าข้าพระองค์จะเหมือนคนเหล่านั้นที่ลงไปยังหลุมมรณา

ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้ยินถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า

เพราะข้าพระองค์วางใจในพระองค์

ขอทรงสอนข้าพระองค์ถึงทางที่ควรไป เพราะข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์”

(สดุดี 143: 7-8)

 

เคล็ดลับที่ทำให้กษัตริย์ดาวิดกลับมาชื่นชมยินดีได้อีกครั้งก็คือ การที่พระองค์ทรงยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาปและไม่สมควรได้รับความสุขจากพระเจ้า จริงๆ แล้วพระเจ้าจะทรงทอดทิ้งกษัตริย์ดาวิดไปเลยก็ได้ แต่ตรงกันข้ามพระองค์ทรงพอพระทัยต่อท่าทียอมจำนนต่อพระเจ้าของกษัตริย์ดาวิด และทรงชำระล้างกษัตริย์ดาวิตด้วยความรักมั่นคงของพระองค์

 

ทรงเป็นความชัดเจนสำหรับอนาคต

กษัตริย์ดาวิดต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและการตัดสินใจมากมายในแต่ละวัน ทั้งในระหว่างที่เป็นกษัตริย์และยิ่งกว่านั้นอีกในระหว่างที่พระองค์หลบหนีจากศัตรู พระองค์ต้องใช้สติปัญญาและความรอบคอบตลอดเวลาในการตัดสินใจภายใต้ความกดดันในสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าขวานที่สุด

 

“ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้ยินถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า

เพราะข้าพระองค์วางใจในพระองค์

ขอทรงสอนข้าพระองค์ถึงทางที่ควรไป เพราะข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์

ขอทรงสอนให้ข้าพระองค์ทำตามพระทัยของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์

ขอพระวิญญาณประเสริฐของพระองค์ ทรงนำข้าพระองค์ไปตามทางราบเรียบ”

(สดุดี 143:8-10)

 

ความชัดเจนจากการต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ ในชีวิตประจำวันของเรานั้น (และในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปีใหม่) ไม่ได้มาจากแผนงาน งบประมาณ หรือกรอบเวลาทำงานที่ละเอียดยิบเท่านั้น แต่มาจากการที่เราจดจ่อที่พระเจ้าและรู้จักพระองค์มากขึ้นผ่านพระคำของพระองค์ อธิษฐานและรอคอยพระองค์ และหยั่งรากความชื่นชมยินดีในพระองค์

 

พระสิริแด่พระบิดาเท่านั้น

สิ่งที่ปลดปล่อยกษัตริย์ดาวิดสู่ความชื่นชมยินดีในพระเจ้าก็คือการที่พระองค์ไม่ได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ความที่เราพยายามเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางนั้นทำให้การพบความสุขนั้นช่างยากเย็น เพราะแท้จริงความสุขที่ล้ำลึกที่สุดสำหรับมนุษย์นั้นก็คือ การเป็นอิสระจากความพยายามยึดติดกับตัวเอง และเข้าลี้ภัยอยู่ใต้ความรักของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

 

  “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขอทรงรักษาชีวิตของข้าพระองค์ไว้

ด้วยความชอบธรรมของพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ออกจากความทุกข์ลำเค็ญ

ด้วยความรักมั่นคงที่ทรงมีต่อข้าพระองค์ ขอทรงสยบศัตรูทั้งปวง

ขอทรงทำลายปฏิปักษ์ทั้งสิ้นของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์”

(สดุดี 143:11 – 121)

 

/

 

“ขอให้พระนามของพระองค์ยิ่งใหญ่ผ่านตัวข้าพระองค์

ขอสำแดงให้โลกเห็นว่าพระองค์ทรงมีพระคุณ กรุณา และมีฤทธิ์อำนาจเพียงไร”

.

แม้ในขณะกษัตริย์ดาวิดทูลขอการปลดปล่อยและสวัสดิภาพจากพระเจ้าพระองค์ก็ไม่ได้ทูลขอเพื่อตัวเอง แต่เพื่อพระสิริของพระเจ้า พระองค์ต้องการให้ทั้งคนของพระองค์เองและศัตรูได้เห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้กระทำการนั้น แล้วคุณละครับ คุณได้ขอให้พระเจ้าเข้ามาในชีวิตของคุณหรือไม่ ไม่ว่าจะเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องเพื่อนบ้าน เรื่องการรับใช้ หรือเรื่องงาน ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเองแต่เพื่อพระสิริของพระเจ้า ดังนั้นถ้าความชื่นชมยินดีของเราคือพระสิริของพระเจ้า คำอธิษฐานของเราก็จะเป็นเหมือนกษัตริย์ดาวิด

 

_______________

 

ช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะได้ใคร่ครวญถึงการมีชีวิตอยู่ และตั้งศูนย์ชีวิตของเราเสียใหม่ ถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังออกห่างจากพระเจ้าและไม่กระหายพระสิริของพระองค์ จงรู้ว่ามันคือปัญหาที่มาจากเรื่องความไม่ชื่นชมยินดีมากกว่าเรื่องวินัย ลองถามตัวเองว่าอะไรที่ขโมยความสุขลึกๆ ในการดำเนินชีวิตเพื่อพระนามพระองค์ไป เมื่อคุณกอบกู้ความสุขนั้นกลับมาได้และทำให้มันเติบโตขึ้นในพระเจ้า โดยให้จิตวิญญาณของคุณกระหายหาพระองค์เหมือนแผ่นดินที่แห้งผาก จงปล่อยให้ความสุขนั้นนำคุณผ่านการทดลอง นำคุณออกจากการล่อลวงจากบาปไปสู่พระปัญญาของพระเจ้า ทั้งหมดก็เพื่อให้พระเกียรติเป็นของพระองค์


(ติดตามอ่านซีรี่ส์ Begin Again ทุกตอนได้ทางเว็บไซด์ https://www.choojaiproject.org/category/articles/experiment/)


Previous Next

  • Translator:
  • Rungwit K.
  • คุณพ่อตาขีดเดียวของลูกชายวัยซน แต่ถึงจะเป็นพ่อคนก็ยังห่วงใยเยาวชนอยู่นะจ๊ะ เลยมาอาสารับใช้ร่วมกับชูใจไง