ชูใจอัพเดท เมษายน 2021


 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ยังสบายกันดีอยู่หรือเปล่า ช่วงนี้คงต้องระมัดระวังกันให้มากขึ้นทั้งร่างกาย และ ทางจิตใจนะครับ

 

ไม่รู้ว่าได้รับผลกระทบอย่างไรกันบ้าง บางคนคงต้องปิดร้าน ส่วนคนที่ทำงานประจำและยังต้องเดินทางก็คงเต็มไปด้วยความกังวลใจ ส่วนของผมและจิ๊กเราตัดสินใจปิดร้าน เพราะที่เชียงใหม่ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงมาก แน่นอนว่าพอปิดปุ๊บก็วิตกทั้งจะติดไหม แต่ปิดร้านแล้วก็ไม่มีรายได้อีกแล้ว คิดวิตกวนไปซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผมนะส่วนจิ๊กกลับสบายใจทำสวนผักอยู่บ้าน หันมาบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

 

ประโยคนี้หนุนใจแปลกๆ เพราะถ้าย้อนคิดก็ต้องขอบคุณพระเจ้า(อีกแล้ว) เพราะก่อนที่จะเกิดการระบาดรอบนี้ผมได้มีโอกาสเรียนพระธรรมโยบ และได้ตั้งใจอ่านจริงจัง(แบบหัดจริงจัง)เป็นครั้งแรก

 

พระธรรมโยบเป็นเรื่องที่เรามักนึกถึงเมื่อเกิดความยากลำบาก เพราะโยบได้ตั้งคำถามต่อพระเจ้า “ทำไมคนเราถึงต้องเกิดมายากลำบาก?” ทำไมเราต้องสูญเสีย ทำไมเราต้องเป็นโรค แต่เหมือนนี่จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับโยบ

 

เมื่อโยบสูญเสียทุกอย่าง ทรัพย์สิน คนรัก โยบกลับบอกว่า พระองค์ทรงให้ และ พระองค์ทรงรับไป…

เมื่อโยบเป็นโรค เป็นฝีทั้งตัว โยบก็ตอบภรรยาว่า เรารับสิ่งดีแล้ว จะไม่รับสิ่งไม่ดีไม่ได้หรือ…

 

ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน คนรัก หรือ สุขภาพที่หายไป ไม่ได้สั่นคลอนความเชื่อของโยบ ถึงโยบจะพูดว่าเรื่องเหล่านี้เหมือนจะยอมรับได้ แต่ภายในลึกๆโยบเริ่มไม่เข้าใจ มวลความคิดเล็กๆในหัวใจเริ่มก่อตัว นำไปสู่คำถามของโยบว่าทำไมถึงเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นกับเขา พระเจ้ายุติธรรมไหม?

 

เมื่อเราเจอปัญหา มันมักเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว บีบคั้นหัวใจอย่างถึงที่สุด แม้ภายในใจ เราก็อาจพูดได้นะว่าเรายังคงเชื่อพระเจ้า เรารู้นะว่าพระเจ้าดี แต่ข้างในลึกๆของหัวใจที่ถูกเขย่าย่อมทำให้เราเกิดคำถาม “ทำไมถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้นกับเรา” “ทำไมต้องเป็นตอนนี้” “ทำไมพระเจ้าถึงให้สิ่งที่ยากเกินจะรับเกิดขึ้น” และ เมื่อมันก่อตัวมากขึ้นเราก็อาจสงสัยในตัวของพระเจ้า ซึ่งโยบเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน โยบถึงเริ่มตั้งคำถามกับพระเจ้า…

แล้วท้ายที่สุดพระเจ้าก็ตอบโยบ

 

เคยเห็นเลียงผาออกลูกไหม?
เคยเห็นคลังลูกเห็บไหม? ทำยังไงไม่ให้กลุ่มดาวลูกไก่มันชนกัน? ตอนที่เราสร้างโลกเจ้าอยู่ที่นั้นไหม… เลวีอาธานก็มีนะ… ฯลฯ โยบถาม วายย? แต่ที่พระเจ้าตอบนี่ ว็อท!!! คืออัลไล!!!

 

โยบถามตรงแต่พระเจ้าเหมือจะไม่ได้ตอบตรงสักเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้น โยบกลับถึงบางอ้อ กระจ่างในความคิดและยอมรับพระเจ้าซะอย่างนั้น

 

…นี่ใครหนอที่ซ่อนคำปรึกษาไว้…

…เมื่อก่อนข้าเคยได้ยิน แต่ตอนนี้เห็นแล้ว…

คำตอบโยบนี่ก็ ว็อท!!! เข้าไปอีก

 

เมื่ออ่านถึงตรงนี้หลายคนที่คาดหวังในคำตอบ อาจงงตอนจบแบบอิหยังวะ เพราะ พระธรรมโยบไม่ได้ตอบคำถามเลยว่า ทำไมเราต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก? แถมบางคนยังสรุปไปเลยว่า พระเจ้ามีฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ พระเจ้ามีแผนที่เราไม่รู้ เชื่อเถอะ ยอมๆรับไปเถอะ <<< ตรงนี้ถ้าย้อนกลับไปอ่าน เราจะเห็นว่าเพื่อนของโยบก็พูดเหมือนกัน ซึ่งตอนสุดท้ายพระเจ้ากลับบอกว่า เจ้าพูดถึงเราไม่ถูกต้องเหมือนอย่างที่โยบพูดนะ… O_o!! อ้าววว

 

ถามตรงตรงแต่พระเจ้าตอบไม่ตรง พอเพื่อนมาปลอบบอกพระเจ้ายิ่งใหญ่ เชื่อๆไปเถอะ พระเจ้าก็บอกว่าไม่ใช่ แล้วมันยังไงกัน จะให้คิดยังไง จะต้องทำยังไง เรื่องที่เราต้องเจอไม่หนักพออีกเหรอ ทำไมยังต้องมาสับสนกับพระเจ้าอีก?

 

ในเวลาที่เผชิญปัญหา ในหัวของเรามีแต่เสียงมากมาย เสียงที่ถามกับวนไปวนมาจนเวียนหัวและสับสน

 

หัวใจของโยบก็สับสน เชื่อก็เชื่อ แต่ท่านก็ตัดพ้อพระเจ้า อารมณ์เหวี่ยงขึ้นลง จะให้คิดยังไง จะต้องทำยังไง เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในทุกๆวันตราบที่ยังต้องยืนเผชิญกับปัญหา เราตื่นขึ้นมาอีกวันเพื่อต้องยอมรับว่าสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นยังคงอยู่ตรงหน้า จะให้คิดยังไง จะต้องทำยังไง ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ ทำไมต้องเป็นเวลานี้ พระเจ้ายุติธรรมไหม พระเจ้าดูแลเราอยู่ไหม พระเจ้ารักเราอยู่ไหม

 

พ ร ะ เ จ้ า มี จ ริ ง ไ ห ม ?

 

จะมีประโยชน์อะไรถ้าโยบที่สูญเสียทุกอย่าง ยังยืนยันในความเชื่อ แต่ไม่มีพระเจ้า ลึกกว่าคำถามที่เขาสงสัยว่าพระเจ้ายุติธรรมไหม ทำไมถึงเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นกับเขา คือ เขากำลังถามว่า พระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่หรือเปล่า

 

ในเวลาที่เราเจ็บปวด เวลาที่เราเผชิญกับสิ่งที่เกินจะรับไหว เรารู้ว่าเราเชื่อ เราเรียกหาพระเจ้า พระองค์อยู่ที่ไหน พระองค์ช่วยลูกที เจ็บปวดเหลือเกิน ผมไม่เข้าใจ แต่บางครั้งก็เหมือนทุกอย่างจะเงียบและไร้คำตอบ ทำไมพระเจ้าไม่ตอบ… พระองค์ยังอยู่ไหม

 

ในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของโยบ คือคำถามนี้ พระเจ้ามีจริงไหม ถ้าพระองค์ยังอยู่ช่วยตอบผมที…

 

แล้ว พระเจ้าจึงตอบโยบ คำตอบที่ดูไม่เหมือนคำตอบ แต่นั่นคือ คำตอบ

ท่ามกลางความเจ็บปวด สับสน และ สงสัย พระเจ้ากำลังพูดกับโยบ ในขณะที่โยบกำลังทึ่งกับส่ิงที่พระเจ้าให้เขาเห็น ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว กว่าโยบจะรู้ตัวก็ผ่านไปสี่บท… “พระเจ้าตอบเขา” พระเจ้าผู้ทรงมหิธิฤทธิ์ ผู้สร้างโลก ผู้สร้างนกและเลียงผา เรียงการโคจรของดาวบนฟ้า ก้อนเมฆและฟ้าผ่า… และ… และ…กำลังพูดกับเขา

โยบเห็นแล้ว…พระเจ้าที่เขาเคยได้ยินว่ามี และ ตอนนี้กำลังคุยกับเขา

 

ไม่มีคำตอบว่าทำไมความทุกข์ยากถึงเกิดขึ้นในพระธรรมเล่มนี้ แต่ท่ามกลางปัญหาโยบเห็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

พระเจ้าองค์นี้ไม่ได้บังคับให้เราเชื่อด้วยฤทธานุภาพ เชื่อๆไปเถอะเพราะพระเจ้ายิ่งใหญ่ ไม่ต้องไปเข้าใจแค่เชื่อก็พอเหมือนอย่างที่เพื่อนโยบพูด แต่พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่องค์นี้กำลังคุยกับโยบ โยบถาม และ พระองค์ตอบ พระเจ้าไม่ได้เป็นพระเจ้าที่คาดเดาไม่ได้ เอาแต่ใจ แต่เป็นพระเจ้าที่ครอบครองและยุติธรรม เป็นความหวังในโลกที่สับสน และ สิ่งทรงสร้างทั้งปวงสะท้อนว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และเราสามารถวางใจในพระองค์ได้

ส่ิงที่สำคัญที่สุดในพระธรรมโยบ คือ การได้รู้จักและมีความสัมพันธ์กับพระองค์

 

หลังจากนั้นพระเจ้าอวยพรโยบ โยบหายป่วย มีทรัพย์สินมากกว่าเดิม มีลูกมีหลาน มีเพื่อนกลับมาหามาทักทาย โยบค่อยๆแก่หง่อม และตายไป ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่าโยบได้คำตอบไหม ทำไมถึงเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นกับเขา โยบไม่ได้พูดอะไรอีกและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็รอคอยพระเจ้าอย่างเงียบๆ

 

เราอ่านเนื้อหาเล่มนี้ตอนต้นเราคนอ่านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่าลืมว่าโยบไม่รู้ แม้จนจบเรื่องก็ไม่แน่ใจว่าโยบรู้หรือยัง ในชีวิตของเราเมื่อเกิดปัญหาขึ้นเราก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่พระเจ้าที่อยู่ตั้งแต่ต้น…รู้

 

วันนี้ผมไม่รู้หรอกว่าโควิดจะจบเมื่อไหร่ ร้านเล็กๆที่มีไว้ประทังชีพจะต้องปิดไหม อายุก็เริ่มเยอะแล้วจะไปทำงานอะไรใหม่ได้ ผมยังคงสับสนและวุ่นวายใจ… แต่ผมจำได้ ผมเคยได้ยินว่าพระเจ้าทำอะไรบ้างในคำพยานของคนอื่น ผมเห็นว่าพระเจ้าเคยตอบผมที่ผ่านมาอย่างไร แม้วันนี้ผมยังไม่เจอคำตอบ แต่ผมเชื่อว่าพระองค์จะตอบในเวลาของพระองค์อย่างที่เคยเป็นมา

 

ในเวลานี้ผมก็คงไม่อาจรู้ว่าเราแต่ละคนต้องเผชิญกับอะไรบ้างและหนักหนาแค่ไหน ถ้ามีอะไรอยากให้อธิษฐานเผื่อก็บอกได้นะครับ และถ้าอยากแบ่งปันว่าพระเจ้าตอบอย่างไร ก็แบ่งปันได้นะครับ

 

 

ด้วยรักและชูใจ

ท็อป

.

.

.

.


Previous Next