EP.53

คำอธิษฐานแรก


ยากอบ 1:19-21

“พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมของพระเจ้า เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้”

 

_______________

 

ผมชอบเที่ยวกลางคืน ชอบที่จะเดินกอดคอกับเพื่อนริมถนน ถือขวดเบียร์ซักขวดแล้วนั่งคุยกัน ผมรักไลฟ์สไตล์แบบนี้ พอฟ้าเริ่มมืดก็ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนเป็นประจำ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้ใช้ร่วมกันไปกับเหล่าคนสนิท

แต่เด็กที่เที่ยวและยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง

แน่นอนว่าก็ขอเงินแม่ใช้ ขอเงินแม่เที่ยว

จนเริ่มมีปัญหากันเพราะเอาเงินแม่ไปใช้ไร้สาระ

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง ผมก็ไม่ชอบ แต่เลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อยังใช้เงินแม่ไปเที่ยวอยู่ การทะเลาะกันเลยเกิดขึ้นบ่อยๆ แล้วมันก็บั่นทอนทั้งจิตใจและความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง… เพื่อนอกหัก

 

ผมหิ้วขวดเหล้าไปหาเพื่อนตามเคย ทว่า สิ่งที่ต่างออกไปของวันนี้คือระหว่างนั่งกินเหล้าเราเกิดคุยกันไปถึงเรื่องความหมายของชีวิต แล้วอยู่ดีๆ เพื่อนก็พูดเรื่องพระเยซูขึ้นมา

 

เพื่อนผมเล่าว่า เขาเพิ่งศึกษาพระคัมภีร์ทางไปรษณีย์ เขาไม่ได้ประกาศกับผม เพียงแค่แบ่งปันความคิดความเข้าใจที่เขาเพิ่งรู้มา

 

อันที่จริงผมไม่ชอบความเชื่อคริสเตียนในหลายจุด ด้วยความที่เรียนพุทธศิลป์ ซึ่งเป็นศิลปะแบบจิตรกรรมไทย ผมเลยพาลรู้สึกไปว่าศาสนาที่ล้างบาปได้เป็นเรื่องแปลก

 

จำได้ว่าเคยเจอใบปลิวของศาสนาแบบนี้อยู่ครั้งนึง

และเนื้อความของมันคือ “ให้พระเยซูถือบังเหียนชีวิตคุณ”

 

อ่านกี่ทีก็ไม่เข้าใจ เราเป็นตัวอะไรทำไมถึงต้องใส่บังเหียนลากซ้ายขวา เลยถามเพื่อนไปด้วยความสงสัย แต่เพื่อนก็ตอบไม่ได้เพราะเพิ่งเริ่มเรียนทางจดหมายไปได้แค่สองครั้ง ตอนนั้นพวกเรานั่งคุยกันวันเสาร์ ก็เลยนัดกันว่าพรุ่งนี้จะไปโบสถ์ เพื่อจะได้หายสงสัย และคาใจ

 

 

พอถึงวันอาทิตย์ ไปถึงอาจารย์ที่โบสถ์ก็ตอบข้อสงสัยได้หมด ระหว่างนั่งคุยผมก็นั่งสูบบุหรี่ด้วยความไม่รู้ เพราะในสังคมเราการสูบบุหรี่ไปด้วยคุยไปด้วยมันเป็นเรื่องปกติ มารู้อีกทีตอนหลังว่ามันไม่ควรทำ แต่ตอนนั้นอาจารย์แกก็ไม่ได้ว่าอะไร นั่งคุยกันไป ถามไป เขาก็ตอบได้ทุกเรื่อง เลยได้รู้ว่าทุกคำที่ใช้ ทุกการปฏิบัติต่างๆ มันมีเหตุผลของมันอยู่

 

เขาชวนผมมาโบสถ์อีก ผมก็ไปอีก

ในใจตอนแรกผมไม่ชอบ ขณะที่ก็ไม่ได้ปิดกั้นเช่นกัน

 

ความสงสัยทำให้ผมพยายามทำความเข้าใจโดยการตั้งคำถาม กลายเป็นว่าผมได้ไปโบสถ์บ่อยๆ จนวันนึง อาจารย์คนนั้นถามว่า “อยากเชื่อพระเยซูไหม” และผมก็อยากจะลองดูซักตั้ง เอ้า เชื่อก็เชื่อ! ตกลงเลยรับเชื่อไป แล้วจากนั้นอาจารย์ก็สอนอธิษฐาน

 

ทีนี้ ประเด็นของเรื่องทั้งหมดที่เล่ามาอยู่ที่คำอธิษฐานแรกเนี่ยแหละ

.

ผมบอกกับพระเจ้าไปว่า

“ถ้าพระเจ้ามีจริง ขอให้ผมไปเที่ยวกลางคืนได้โดยไม่ทะเลาะกับแม่”

 

วันที่ขออยู่ประมาณช่วงกลางสัปดาห์ กระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่ต้องไปโบสถ์ก็มีกิจกรรมให้กลุ่มอนุชนเล่นเกมบัดดี้กัน ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ รู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมแบบเด็กๆ เลยไม่ยอมเล่น แต่พอถึงช่วงที่ต้องยืนคว้ากระดาษที่เขาโปรยชื่อบัดดี้ ผมกลับนึกสนุกหยิบกระดาษแผ่นสีเหลืองนั้นไว้ในกระเป๋าสตางค์

 

ในแผ่นนั้นเขียนถึงสิ่งที่คนคนนั้นชอบ และไม่ชอบ

พร้อมด้วยข้อพระคัมภีร์ที่ประทับใจ

 

ผมไม่ได้สนใจ ไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ แค่ใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างไม่มีความหมายโดยไม่รู้เลยว่าในเวลาต่อมา เศษกระดาษยับๆ แผ่นนี้จะกลายเป็นของที่มีค่าสำหรับผมเหลือเกิน

 

 

3-4 วันถัดมา ผมออกไปเที่ยวกลางคืนแล้วกลับมาทะเลาะกับแม่ ในจังหวะที่กำลังอารมณ์ร้อนสุดๆ เกิดมองไปเห็นกระเป๋าที่เปิดอยู่ ในนั้นมีกระดาษบัดดี้สีเหลืองสดใสของกิจกรรมกลุ่มอนุชนที่โบสถ์ มีเนื้อความฝั่งนั้นเป็นข้อพระคัมภีร์ ยากอบ1:19-21

 

“พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้

คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ

เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมของพระเจ้า”

(ยากอบ1:19-21)

 

ผมหยิบพระคัมภีร์มาเปิดตาม แล้วก็คิดไปว่าจากทั้งเล่มหนาๆ นี้มีความน่าจะเป็นขนาดไหนที่เราจะมองเห็นข้อนี้ในเวลานี้

 

ผมค่อยๆ ใจเย็นลงแล้วฟังแม่มากขึ้น มันทำให้คราวนี้ผมเริ่มเข้าใจเหตุและผลมากขึ้นด้วย จนช่วงนั้นเลิกทะเลาะกับแม่ไปเลย แม้ช่วงแรกจะยังไปเที่ยวอยู่ แต่พระเจ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนผมไป อยู่ดีๆ ผมก็เริ่มไม่อยากไปเที่ยว ไม่อยากกินเหล้า ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จนบอกเพื่อนไปเฉยๆ เลยว่า “ไม่อยากไป”

 

ตอนนั้นผมคิดจริงจังแล้วว่าพระเจ้ามีจริงแน่ เพราะมันถูกเวลามากที่ข้อพระคัมภีร์ข้อนี้โผล่ขึ้นมาในเวลานั้น ถ้าผมอ่านบนรถเมล์ หรือบังเอิญเห็นตอนเปิดกระเป๋าในห้องนอนก็คงเฉยๆ แต่ผมอ่านตอนทะเลาะกับแม่พอดี เลยตัดสินใจเชื่อเลยว่าพระเจ้ามีจริงแน่ๆ จากนี้จะเป็นคริสเตียน และเป็นผู้เชื่อที่ดี

 

“มีความน่าจะเป็นแค่ไหนกัน

ที่ข้อพระคัมภีร์ข้อเดียวจากทั้งเล่มหนาๆ จะปรากฏให้ผมเห็นในวันนี้เวลานี้?

ทบทวนดูแล้วก็มั่นใจว่าพระเจ้ากำลังพูดกับผมอยู่

นั่นทำให้ผมเชื่อสนิทใจว่าพระเจ้ามีจริง”

.

ด้วยความรัก ความเชื่อ และชูใจ


#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://www.choojaiproject.org/choojai-forward


Previous Next

  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน