ท่านคิดว่าเราเป็นใคร?


“ท่านคิดว่าเราเป็นใคร”

วันนั้น พระเยซูเอ่ยถามขึ้นท่ามกลางเหล่าสาวก ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางสู่เยรูซาเล็ม ที่ผ่านมาเขาเห็นพระองค์รักษาคนตาบอด รักษาโรค ขับผี ห้ามลมพายุ คนที่ได้เห็นได้ยินสิ่งที่พระองค์ทำก็เริ่มพูดต่อๆกัน บ้างก็ว่าพระองค์คือยอห์น บ้างก็ว่าคือเอลียาห์ หรืออาจเป็นผู้เผยพระวจนะ?

พระองค์จึงถามขึ้นมาท่ามกลางพวกเขา

 

“แล้วพวกท่านคิดว่าเราเป็นใคร?”

 

เปโตรตอบทันที… “ท่านคือพระคริสต์” (พระเมสสิยาห์)
แล้วพระเยซูก็กำชับพวกเขา

 

“…อย่าไปบอกใครนะ…” (มก8:27-30)

 

เปโตรก็รับฟัง

…………………………………

“ท่านจะนอนต่ออีกหรือ”

 

ค่ำคืนนี้เหล่าสาวกต่างนอนหลับเพราะความเหนื่อยล้า ในสวนเกทเสธมานี สถานที่นัดพบของเหล่าสาวก เปโตรคงได้ยินที่พระเยซูเรียก แต่สภาพเขาตอนนี้แค่ตาก็แทบลืมไม่ขึ้น และ การที่ต้องนอนหลับๆตื่นๆ เพราะนี่เป็นรอบที่สามแล้วที่พระเยซูเดินมาปลุกเขา

 

“ลุกขึ้นเถอะ… เวลามาถึงแล้ว”

 

แต่รอบนี้เขาคงต้องลุกขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อสิ้นคำของพระองค์ ความสว่างจากคบไฟทำลายความมืดในสวนนั้น คนจำนวนมากเดินเข้ามา ทหาร เจ้าหน้าที่ ปุโรหิต

 

“พวกท่านมาหาใคร” พระเยซูเอ่ยถามผู้มาเยือนอย่างเรียบง่าย
“เรามาหา เยซู ชาวนาซาเร็ธ”
“…เราเป็นผู้นั้นแหละ” พระเยซูตอบทันที

 

พอได้ยินเท่านั้นหลายคนก็ถึงกับผงะ ถอยหลัง บางคนถึงกับเข่าอ่อนล้มลง (ยน18:6) นี่คือสิ่งที่รอคอยมาตลอดสำหรับผู้ที่จ้องจะจับผิดพระองค์ นี่คือ “หลักฐาน” เพราะคำที่พระองค์ใช้ “เราเป็น” เป็นคำที่สงวนไว้ของชาวยิวเพราะนี่คือพระนามของพระเจ้า

ที่ผ่านมาผู้ที่คอยจะจับผิดพระองค์หวังจะใช้ข้อกล่าวหานี้ในการจับกุมมาโดยตลอด “แอบอ้างเป็นพระเจ้า” แต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะพระองค์ใช้คำเฉียดๆมีแต่ให้ลุ้น “เราเป็นทางนั้น” “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต” “เราเป็นประตู” “เราเป็น…” ฯลฯ แต่ไม่ชัดเจนเท่าตอนนี้

 


เ ร า เ ป็ น ผู้ ซึ่ ง เ ร า เ ป็ น

 

สำหรับพระเยซู นี่คือการเปิดเผย

 

สำหรับเปโตรนี่อาจเป็นสัญญาณ นี่คือวันแห่งพระคริสต์! วันที่พระเมสสิยาห์จะมาปลดปล่อย ในที่สุดพระองค์ก็ประกาศชัดเจนว่าพระองค์เป็นพระเจ้า หลังจากที่ห้ามเขาไม่ให้บอกใครมาตลอด ทั้งหมดคงเพื่อวันนี้

ไม่จำเป็นต้องรอสัญญาณที่สอง เปโตรคว้าดาบฟันหูทาสของปุโรหิต เปิดฉากวันแห่งการพิพากษา พระเยซูจะนำทัพกวาดล้างอริศัตรู วันแห่งชัยชนะ วันแห่งพระเมสสิยาห์ เริ่มที่นี่ตอนนี้

ใบหน้าของเปโตรอาจร้อนผ่าว หัวใจของเขาอาจเต้นรัว เพราะภาพการต่อสู้อันยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

แต่สิ่งที่ตามมาไม่เป็นเช่นนั้น พระเยซูรักษาหูของทาสที่บาดเจ็บ และ ห้ามพวกเขาไม่ให้ต่อสู้ อีกทั้งยังขอให้เหล่าปุโรหิตอย่าจับพวกสาวก

 

ท่าทีแบบนี้…พระองค์กำลังเจรจา นี่!! พระเยซูกำลังจะยอมมอบตัว!?

 

ความสับสนเกิดขึ้นต่อหน้าเปโตร ก็พระองค์พึ่งบอกว่าพระองค์คือผู้นั้นไม่ใช่หรือ? ผู้ที่จะนำชัยชนะมาสู่อิสราเอล พระองค์คือ “พระเมสสิยาห์” และถ้าพระองค์คือผู้นั้น ทำไมไม่ต่อสู้ พระองค์ต้องนำพวกเราสู่การปลดปล่อยสิ แต่ทุกอย่างจะจบถ้าพระองค์มอบตัว และพระองค์กำลังจะทำแบบนั้นด้วย

 

นี่มันไม่ถูกต้อง มันผิดจากภาพที่เขาคิดเอาไว้

 

หรือ พระเยซู ไม่ใช่ผู้ที่เขาคิด

ถ้างั้น พระองค์คือใคร!?

หรือพระองค์ไม่ใช่ ผู้นั้น?

หรือนั่นคือความหมายที่พระองค์ย้ำมาตลอด?

 


อ ย่ า ไ ป บ อ ก ใ ค ร น ะ

  

…………………………………

“ อย่าไปบอกใครนะ ”

ระหว่างทางนั้นพระเยซูบอกกับเปโตร หลังจากที่เขาตอบว่าพระองค์ว่า พระองค์คือพระคริสต์
ถ้านึกย้อนดีๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระเยซูกำชับว่า “อย่าบอกใคร”

 

ในเวลาที่พระเยซูทำพันธกิจต่างๆ พระองค์มักจะกำชับว่า  “อย่าไปบอกใคร”

 

เหล่าสาวกล้วนเห็นการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น การรักษาคนเป็นโรคเรื้อน การเลี้ยงคนเป็นพัน การห้ามลมพายุ รักษาคนผีเข้า คนตาบอด นี่การอัศจรรย์ทั้งนั้น แต่พระองค์ก็กำชับเสมอ “อย่าบอกใคร”

หรือนี้คือการสอนกับพวกเราว่าทำอะไรก็ให้ถ่อมใจหรือเปล่า แต่ถ้าแค่ต้องถ่อมใจ พระองค์ถึงกับต้องจูงมือคนตาบอดออกมารักษานอกหมู่บ้าน แล้วบอกเขาว่าอย่ากลับเข้าไป มันก็ถ่อมเกินเบอร์ไปไหม?

หรือที่ยิ่งน่าประหลาดใจคือแม้แต่ตอนที่พระองค์ไล่ผีโสโครก พระองค์ก็ยังหันไปกำชับกับพวกผีนั้นว่า “อย่าบอกใคร” นี่จึงไม่น่าจะเป็นแค่เรื่องของความถ่อมใจแล้ว

ถ้าอย่างนั้น หากการสำแดงการอัศจรรย์ต่างๆกำลังชี้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า แล้วทำไมพระองค์ไม่ป่าวประกาศไปเลยหล่ะว่าพระเมสสิยาห์มาแล้ว คนจะได้หลั่งไหลกันเข้ามา หรือ เวลานั้นยังไม่สุกงอมพอที่จะรวบรวมกำลังคน เพื่อวันนั้น

 

“วันแห่งพระเมสสิยาห์”

 

…………………………………

วันแห่งพระเมสสิยาห์

ตั้งแต่เพลงสดุดีของดาวิดจนมาถึงยุคผู้เผยพระวจนะ มีคำพยากรณ์มาโดยตลอดว่า “พระเมสสิยาห์” จะมาพิพากษาด้วยตะบอง พระองค์จะมาปกครองบรรดาประชาชาติด้วยคทา (สดด2, สดด110) นี่คือพระคริสต์ที่พวกเขาต่างรอคอย วันที่พระเมสสิยาห์จะนำทัพ มาประกาศชัยชนะ ปลดปล่อย และ ปราบเหล่าผู้ที่ไม่เชื่อในพระองค์

 

นี่คือพระเมสสิยาห์ในความคิดของพวกเขา “ผู้มาปลดปล่อย”  ผู้ที่จะขับไล่อำนาจอันชั่วร้ายออกไป ผู้ที่พวกเขาเฝ้ารอคอย…

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นแบบที่เปโตรคิด

…………………………………

เขาอาศัยความมืดหนีออกมาจากสวนนั้น
พระเยซูโดนจับไปแล้ว ส่วนตัวเขาถูกจับด้วยความคิดที่สับสน
พระเยซูน่าจะเป็นคนนั้นสิ เป็นพระเมสสิยาห์ผู้มาปลดปล่อย

แล้วทำไม… พระองค์ไม่ใช่…

 

“นายเป็นสาวกของเยซูนี่?” ใครบางคนทักเอ่ยทักเขา เปโตรรีบตอบ

“ไม่ใช่ ข้าไม่รู้จักคนนั้น…”

“…ข้าไม่รู้เรื่อง”

“…คนที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้จัก”

 

เสียงไก่ขันเป็นหนที่สอง เปโตรจึงระลึกขึ้นได้
พระเยซูเคยบอกกับเขาแล้วว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น

“ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง”

มันเกิดขึ้นจริง!? พระองค์รู้ได้ยังไง? พระองค์คือพระเจ้าใช่ไหม? แต่ถ้าพระองค์รู้ ก็ต้องรู้ด้วยสิว่าพวกปุโรหิตตั้งใจจะฆ่าพระองค์ ถ้าถูกพวกนั้นจับไป พระองค์จะต้องตายนะ!!

 

แล้วเปโตรน่าจะระลึกขึ้นได้อีกครั้ง

พระเยซูเคยบอกกับเขาแล้วเช่นกันว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น บนทางนั้น ภาพวันนั้นกลับมาอีกครั้ง

 


เ ร า จ ะ ต้ อ ง ต า ย น ะ

…………………………………

“เราจะต้องตายนะ”

“ไม่ได้พระองค์จะตายไม่ได้” เปโตรรีบสวนตอบพระเยซู
“อ้ายซาตาน จงไปให้พ้น เพราะเจ้าคิดอย่างคน ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า” พระเยซูตอบกลับ

เขาอาจคิดว่าแม้การตายของผู้นำนั้นยากจะยอมรับแต่ก็เป็นไปได้ในการศึกสงคราม ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ไม่น่าจะพูดเรื่องการตายขึ้นมา แต่สิ่งที่พระองค์ตอบกลับนั้นทำให้เรื่องนี้ยังชัดเจนในความทรงจำ

“เราจะต้องตาย”

พระเยซูยังย้ำเรื่องนี้ถึงสามครั้ง ทำไมถึงย้ำขนาดนี้ จะถามก็เกรงใจ เลยปล่อยความไม่เข้าใจทิ้งเอาไว้ตลอดการเดินทาง แต่ตอนนี้สิ่งที่เคยไม่เข้าใจนั้นก็แจ่มชัด

 

พระเยซูตายจริงๆ

 

…………………………………

ตอนนี้เปโตรมองเห็น พระคริสต์ที่ตายบนไม้กางเขน
ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่พระองค์พูดมาตลอด

 

ตลอดระยะเวลาที่เขาติดตามพระองค์ มีหลายเรื่องที่เขาไม่เข้าใจว่าพระองค์พูดอะไร เขาเชื่อว่าพระองค์คือพระคริสต์ เช่นเดียวกับสาวกและผู้คนอีกมากมายที่เห็นการอัศจรรย์ และติดตามพระองค์ ก็เชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ เป็นพระเมสสิยาห์

 

หากแต่นั่นคือภาพพระคริสต์ที่เขาอยากเห็น

 

บางคนติดตามพระองค์เพราะอาหาร บางคนติดตามพระองค์เพราะได้รับการรักษา สาวกก็ติดตามเพราะคาดว่าพระองค์จะมานำทัพปลดปล่อย ทุกคนต่างมีภาพของพระคริสต์ตามที่ตัวเองอยากเห็น

 

แต่จะมีกี่คนที่เห็นเป้าหมายของพระคริสต์ เส้นทางที่พระองค์กำลังจะไป

 

ในช่วงทำพันธกิจพระองค์กำชับเสมอว่า “อย่าบอกใคร” อาจไม่ใช่การห้ามบอกว่าพระองค์เป็นพระเจ้า แต่นั่นเป็นเพราะพระองค์ไม่อยากให้เขาติดกับดักความคิด จนมองเห็นเพียงการอัศจรรย์ต่างๆตามความคาดหวังของพวกเขา จนบดบังเป้าหมายที่แท้จริงของพระองค์

 

ที่ ก า ง เ ข น

 

การอัศจรรย์เป็นเพียงเรื่องรอง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่แท้จริงของพระองค์ พระองค์ไม่ได้มาปลดปล่อยจากอำนาจใดอำนาจหนึ่งในโลก แต่พระองค์มาเพื่อจัดการกับปัญหาที่หยั่งรากลึกกว่านั้น คือการปลดปล่อยและช่วยมนุษย์ทุกคนจากพันธนาการของความบาป ต้นเหตุของความวุ่นวายและบิดเบี้ยวในโลกใบนี้ ผ่านการตายของพระองค์

ที่นั่น บนไม้กางเขนพระองค์คือผู้ช่วย ผู้มาปลดปล่อย พระองค์คือพระคริสต์
เป็นพระคริสต์แบบที่พระองค์เป็น

 

พระเยซูบนไม้กางเขน

 

ความเศร้า ความเจ็บปวด ความสับสน ทำลายความคาดหวังของเขา ภาพพระคริสต์ที่เคยผิดเพี้ยนถูกทำให้กระจ่างชัดพระองค์ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด แต่พระองค์เป็นดั่งที่พระองค์บอกกับพวกเขามาโดยตลอด เป็นมาเสมอทุกอย่างตั้งแต่ต้น

 

สำหรับเปโตร มีอีกเพียงเรื่องเดียวที่ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งนั้นกลายเป็นความหวัง เป็นแสงสว่างในความสับสน

 


บุตรมนุษย์จะเป็นขึ้นมา

…………………………………

สำหรับเราในวันนี้ ที่อ่านเรื่องนี้ ฟังเรื่องนี้กันมาหลายรอบ

เมื่อเรามองย้อนกลับไป อาจได้แค่เอาใจช่วยเพราะสาวกยังไม่เห็น และไม่รู้ว่าพระเยซูต้องตายที่ไม้กางเขน แถมเราก็รู้ก่อนสาวกอีกด้วย เหมือนอ่านสปอยมาแล้วว่า พระเยซูจะฟื้นขึ้นมาแน่นอน แต่นั่นคือการมองข้ามไปยังสาวก

ถ้าหากเราหยุดมองไปที่กางเขน เช่นเดียวกับเหล่าสาวกในตอนนั้น
เราจะพบคำถามแบบเดียวกันกับที่พวกเขาเคยเจอ

เรากำลังติดตามพระองค์อย่างเดียวกับพวกเขาหรือเปล่า?
คือติดตามพระองค์เพียงแค่ตามที่เราอยากเห็น

 

มีคนบอกว่าพระเยซูรักษา

พระองค์อวยพรในหน้าที่การงาน

พระองค์ช่วยเยียวยาปัญหาในชีวิต

พระองค์ช่วยในการสอบ

พระเยซูช่วยผ่อนบ้าน ฯลฯ

 

ชีวิตของเปโตร และ เหล่าสาวก และคนอีกมากมายเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์ที่ไม้กางเขน เพราะจิ๊กซอร์ชิ้นสุดท้ายถูกเติมเต็ม “พระองค์เป็นขึ้นมา”

 

ส่วนเราที่รู้สปอยทั้งหมดใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อรู้แล้วว่า “พระองค์เป็นขึ้นมา”

 

คำถามในพระธรรมมาระโกยังคงถามเราเสมอในการติดตามพระคริสต์
บ้างก็ว่าพระองค์เป็นอย่างนั้น บ้างก็ว่าพระองค์เป็นคนนั้น คนนี้

 

“แล้วท่านล่ะ คิดว่าเราเป็นใคร”

…………………………………

…………………………………

…………………………………

เนื้อหา : อ้างอิงจากพระธรรมมาระโก

ภาพ : Chevy


Previous Next

  • Author:
  • เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
  • Illustrator:
  • Chevy Ezra
  • เด็กหนุ่มผู้รักการขีดๆ เขียนๆ เรียนๆ เล่นๆ เป็นชีวิต จิตใจ เป็นเด็กใต้ ที่พระเจ้านำมาอยู่เหนือ แต่พูดกลาง งงเล้ยยย พี่ชูใจเห็นใสๆ ใจดี แบบนี้เลยชวนมาวาดภาพประกอบให้ชูใจ