คนต้นเรื่อง : อ่านล่องไปกับเรือทุกตอนได้ที่ : https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/journey-with-logoshope/


______________________________

ทีมของเราไม่ได้ทำพันธกิจแค่หมู่บ้านเดียว แต่เราเดินทางไปเยี่ยมเยียนและร่วมรับใช้ในหมู่บ้านอื่นด้วย ซึ่งจากทั้งหมดนั้นมี 2 หมู่บ้านที่ฉันประทับใจและจดจำได้ไม่ลืมเลือน

______________________________

mangapeng3หมู่บ้านแรกชื่อ มังกะเปง (Mangkapeng) เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเขตอำเภอใกล้เคียง เราออกเดินทางกันแต่เช้า นั่งรถเมล์ไปประมาณชั่วโมงนึง ลงที่ถนนใหญ่แล้วเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 10 กิโล ใช่ค่ะ เดิน 10 กิโลเมตร!! ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงน่าจะได้ พวกเราเดินแบกกระเป๋าและสัมภาระ ของกินของใช้ไปด้วย เหนื่อยมากจริงๆ พวกเราเดินถึงหมู่บ้านหนึ่งก็ดีใจว่าในที่สุดก็ถึงแล้ว แต่กลับถูกศิษยาภิบาลที่เดินทางไปด้วยดับมโนว่า “ยัง ยังไม่ถึง นี่แค่พักครึ่งทาง” “ห๊ะ! อะไรนะ! ครึ่งทาง!!!” เราอุทานด้วยความตกใจ และเขายังบอกต่ออีกว่า “เราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก และจะข้ามแม่น้ำอีก 3 สายนะ หวังว่าน้ำจะไม่ขึ้นสูงและเชี่ยวเกินไปที่เราจะข้ามด้วย” โอววววเอ็มจี พระเจ้าขา!!!

.
เนื่องจากพวกเราไม่ชินกับทางที่จะเดิน จึงมีเด็กๆ จากหมู่บ้านที่เดินทางมาก่อนแล้วมาต้อนรับ นำทาง และมาช่วยเราแบกสัมภาระ เพื่อที่เราจะได้เดินเร็วขึ้น เราต้องไปถึงหมู่บ้านก่อนตะวันตกดิน ซึ่งตอนนั้นก็ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ แล้ว เมื่อเราเดินเข้าไปในป่าอีกประมาณอึดใจนึงก็เจอแม่น้ำสายใหญ่รออยู่ข้างหน้า กว้างประมาณครึ่งนึงของแม่น้ำปิง น้ำไหลเอื่อยดูไม่น่าจะอันตรายนะ “สบ๊าย!” ฉันคิด แต่แล้วศิษยาภิบาลก็ตะโกนมาบอกให้เราจับคู่กัน เพราะพื้นแม่น้ำเป็นหินระเกะระกะและลื่นมาก จึงให้เกาะกันไว้ให้แน่นเพราะใต้น้ำอาจจะเชี่ยวได้ “เอาวะ มา! จะสักเท่าไหร่เชียว ห้วยตึงเฒ่าก็เล่นมาแล้ว!” พอลงน้ำไปจริงๆ ฉันก็พบว่ามันลื่นมากค่ะ ต้องค่อยๆ เขยิบเท้าไป วางเท้าให้มั่นคง ก้าวช้าๆ เกาะกันไว้ น้ำสูงประมาณเอว เราจึงค่อยๆ เดินเกาะกลุ่มกันไป

mangapeng1จนในที่สุดเราก็ข้ามแม่น้ำได้สำเร็จ โดยที่ไม่มีใครล้มสักคนเดียว จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเดินเท้าเข้าป่าไปอีกสักระยะ จนเจอแม่น้ำอีกแห่งหนึ่ง ครั้งนี้น้ำไม่ลึกมาก กะแล้วประมาณหน้าแข้งแต่พื้นก็ยังลื่นอยู่ดีแต่เราก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี ชักเริ่มสนุกแล้วสิ เราเดินเข้าป่ามาได้อีกสักพัก ฉันจึงสังเกตเห็นว่าดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะประมาณ บ่ายสี่โมงเกือบจะห้าโมงแล้วมั้ง และแล้วเราก็เดินมาถึงแม่น้ำสายสุดท้าย

taknaiya4ในที่สุดเราก็เดินจนมองเห็นโรงเรียนและบ้านของชาวบ้านอยู่ลิบๆ มีต้นมะพร้าวปลูกอยู่มากมาย สุนัขวิ่งพลุกพล่าน มีไก่ เป็ดและหมูป่า ทีมผู้หญิงพักในบ้านไม้ ส่วนผู้ชายนอนในเต้นท์ ไม่มีห้องน้ำ ต้องไปขอยืมใช้ห้องน้ำโรงเรียนและอาบน้ำในห้วยข้างโรงเรียน ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นทีเดียวค่ะ ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหาขี้ไต้เอาไปขายในอำเภอ เมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันรวย! รวยมาก! ฉันมีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยจริงๆ เราเดินไปรอบๆ หมู่บ้านอธิษฐานเผื่อบ้านทุกหลัง ตกเย็นเราแสดงละคร ทำกิจกรรมกับเด็กนักเรียน และหนุนใจพี่น้องคนอื่นๆ

.

ชีวิตของชาวบ้านที่นี่ทำให้ฉันได้กลับมามองดูชีวิตของตัวเอง ฉันกำลังทำอะไรอยู่ในเมืองศิวิไลซ์ ฉันใช้ชีวิตทุกวันนี้ยังไง ฉันได้ช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจนแล้วหรือยัง หรือฉันหลับหูหลับตา ทำปิดหูปิดตาไม่สนใจ ฉันสำแดงความรักของพระเจ้าผ่านการกระทำยังไงบ้าง …คำถามเหล่านี้หนักอึ้งอยู่ในใจของฉัน … วันนั้นฉันได้อธิษฐานขอการยกโทษจากพระเจ้าและตั้งใจกับพระเจ้าอีกครั้งว่า จะช่วยเหลือและดูแลพี่น้องที่ยากจนเท่าที่ฉันจะทำได้ จะประหยัด มีน้อยช่วยน้อย มีมากช่วยมาก แสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แก่กัน ซึ่งเป็นการสำแดงความรักของพระเจ้าได้เหมือนกัน

______________________________

taknaiya9อีกหมู่บ้านหนึ่งที่พวกเราได้ไปอยู่ด้วย ชื่อ ตัคนัยญ่า (Taknaiya) ครั้งนี้เราเดินข้ามแม่น้ำแค่สองสาย เมื่อเดินเท้าเข้าหมู่บ้านประมาณครึ่งวัน เราก็พบชาวบ้านนั่งซักผ้า เด็กๆ อาบน้ำ เขายิ้มแล้วทักทายศิษยาภิบาลและยิ้มให้กับพวกเรา แม่น้ำในหมู่บ้านนี้ใสมากจริงๆ ค่ะ พวกเราพักในโบสถ์ที่สร้างบนเนิน ไม่มีห้องน้ำ เวลาฉุกเฉินเราสามารถเลือกพุ่มไม้ตามใจชอบ ไม่มีเตียงนอน ไม่มีผนังโบสถ์ มีแต่พื้นไม้ไผ่ยกสูงและหลังคาคุ้มหัว ครั้งนั้นพวกเราไปช่วยชาวบ้านทำทางเดินขึ้นโบสถ์ค่ะ เพราะทางเก่าเป็นทางลาดดิน เวลาฝนตกก็จะลื่น ทำให้เดินขึ้นโบสถ์ลำบาก เราจึงนำหินจากลำธารมาทำเป็นขั้นบันไดและตัดไม้ไผ่ ปักดินเป็นราวบันได

taknaiya7ช่วงแรกก็สนุกดีค่ะ เดินเล่นในน้ำใส เดินหาหินก้อนใหญ่เพียงพอที่จะเหยียบได้ เดินขึ้นลงๆ สนุกสนาน ร้องเพลงกันไป เล่นกันไป ผ่านไปสองชั่วโมง ร่างกายเริ่มหมดแรง ทางขึ้นโบสถ์ก็ชันขึ้นเรื่อยๆ แขนขาล้าขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครบ่น ฉันรู้ว่าพวกเราเหนื่อย ร้อน และอ่อนล้า แต่เมื่อฉันเห็นสมาชิกที่มาช่วยยืนขุดดิน ถางหญ้า ขุดหลุมด้วยกันกับเรา ฉันก็มีแรงฮึดขึ้นมา เรามาช่วยรับใช้ ไม่ได้มาเที่ยวเล่น นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด พวกเราช่วยกันทำงานจนเสร็จภายใน 2 วันค่ะ เป็นความสำเร็จที่น่าปลื้มใจและประทับใจมาก

.
ตกเย็นของทุกวัน พวกผู้หญิงและเด็กๆ จะพากันเดินไปอาบน้ำที่ลำธารข้างหมู่บ้าน ทีมของเราก็ไปอาบกับเขาค่ะ น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาจริงๆ ฉันดำผุดดำว่ายเล่นน้ำเหมือนเด็กๆ อยู่นานเลย มันสบายจริงๆ ขณะที่นอนแช่ เล่นน้ำก็สังเกตเห็นต้นไม้ริมธารน้ำ มีต้นใหญ่เขียวชอุ่ม มีรากแข็งแรง ไม่เห็นสักต้นเดียวที่ใบแห้ง ทำให้ฉันนึกถึงข้อพระคัมภีร์ที่ว่า

.

“เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกริมธารน้ำซึ่งเกิดผลตามฤดูกาลและใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง ทุกอย่างที่เขาทำก็จำเริญขึ้น”
– สดุดี 1:3 –

.
ชีวิตที่ยึดติดกับพระเจ้า ให้พระวจนะหล่อเลี้ยงก็จะสวยงาม เขียวชอุ่ม และจำเริญขึ้นในทางที่ดีเสมอไปเหมือนต้นไม้ใหญ่ริมลำธารต้นนั้นนั่นเอง

taknaiya1อาหารการกินที่หมู่บ้านนี้มีไม่มาก เรากินข้าวกับปลาแห้งและกล้วยตลอดทั้งอาทิตย์ที่อยู่ที่นั่น และกับข้าวแค่นั้นก็ยังถือว่ามากกว่าชาวบ้านในแถบนั้นด้วยซ้ำ การได้ใช้ชีวิตในต่างแดนและในชุมชนที่ยากจนกว่าเรานั้น ช่วยสอนและหนุนใจชีวิตของฉันมากจริงๆ เป็นอีกครั้งที่พระวจนะของพระเจ้าเข้ามาย้ำเตือนและหนุนใจว่า

.

“ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสนแล้ว ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์
ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”
– ฟิลิปปี 4:11-13 –

 

taknaiya6สามเดือนในฟิลิปปินส์ทำให้ฉันรู้แล้วว่า ความขัดสนที่แท้จริงเป็นแบบไหน อดมื้อกินมื้อเป็นอย่างไร ชีวิตมิชชันนารีที่แท้จริงต้องทุ่มเทขนาดไหน ในที่สุดฉันก็ได้เข้าใจมันอย่างดี ฉันขอบคุณพระเจ้าที่เปิดตาและเปิดใจของฉัน เพื่อฉันจะสามารถช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าฉันได้อย่างเต็มใจและเต็มความสามารถที่ฉันจะทำได้ และฉันคิดว่า นี่ก็คงเป็นเป้าหมายหนึ่งในชีวิตที่พระเจ้าวางแผนการไว้ให้กับฉันมาตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน

.

ทีน่า


Previous Next

  • Author:
  • ทีน่า : สาวผู้ใฝ่ฝันจะเดินทางรอบโลก แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อพระเจ้านำเธอให้พบเจอกับเรือ 'โลโกสโฮป' เรือแห่งความหวังที่จะนำพาเธอไปผจญโลกกว้างโดยไม่ต้องเป็นเมียทูตแต่อย่างใด
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Editor:
  • Namita
  • สาวน้อยล่ามญี่ปุ่น ผู้เอ็นจอยกับการกินไปลดน้ำหนักไป เธอผู้มีความคาวาอี้อยู่ตลอดเวลายังมีความสามารถในการเรียบเรียงงานเขียนได้เป็นเลิศอีกด้วย