EP. 34

7 สิ่งที่คริสเตียนต้องคิดหลัง 30


บทความนี้ใช้เวลาอ่าน ประมาณ 7 นาที


.

อายุอานามก็มากพอตัวแล้วแม้ว่าหน้าจะยังเด็กอยู่ แต่พอเข้าวัยสามสิบหลายๆ อย่างในชีวิตก็เริ่มจะเปลี่ยนไป และถึงจะเป็นคริสเตียนก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีข้อยกเว้นซะเมื่อไหร่ ด้วยช่วงวัยที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว หน้าที่การงานหรือช่วงชีวิตจะนำเราเข้าสู่อีกด้านหนึ่งของโลกที่ดูจริงจังมากขึ้น ตัวตนข้างในอาจจะยังใสใสแต่ไม่ว่ายังไงก็มีเรื่องที่เราต้องเตรียมตัวและคิดอยู่ดี มาลองดูกันครับว่า 7 สิ่งที่เราต้องคิด คืออะไร???

 

 

1.จะรับใช้ทุกอย่างไม่ได้อีกแล้วนะ

 

ภาพโดย Brad Neathery

 

ในตอนที่เป็นวัยรุ่นอนุชนหรือเริ่มทำงานใหม่ๆ เราอาจหยิบจับอะไรได้หลายอย่าง แต่ 30 แล้ว หน้าที่การงานมันก็จะเริ่มรัดตัว ยิ่งบางคนแต่งงานมีลูกก็ยิ่งมีเวลาให้กับงานรับใช้น้อยลง ส่วนที่คบกับแฟนอยู่ก็ต้องมีเวลาให้แฟน หรืออีกส่วนที่โสดก็ต้องทำงานหัวหมุน ไหนจะพ่อแม่พ่อน้องที่อยู่ดีดีก็เริ่มมีความคาดหวังกับเรามากขึ้น จนเราควรต้องเริ่มโฟกัสที่งานรับใช้ในคริสตจักรเป็นอย่างๆ ตามความถนัดและภาระใจแล้วล่ะ จะให้นำเกมเพลงสั้น สอนรวี นำนมัสการ ต้อนรับ นำเซลล์ ทำสารพัดต่างๆ นานาก็ไม่ได้แล้ว  ที่สำคัญคือตอนทำว่าหัวหมุนแล้วยิ่งตอนประชุมยุ่งยิ่งกว่า อาทิตย์นี้ต้องเข้าประชุม 8 เป็นกรรมการอีก 10 ทีม แบบนี้กางเต็นท์เลยเถอะ! เมื่อทำทุกสิ่งอันไม่ได้เนื่องจากเวลาไม่เอื้อก็ลองเจาะจงสักอย่างสองอย่างดู คริสตจักรของพระเจ้าไม่ขาดคน แต่เราอาจขาดใจ

 

2. จะไม่ค่อยมีใครมากล้าเตือนอีกแล้ว (ต้องถ่อมใจ)

 

ภาพโดย Albert Dera
 .

ถึงตอนนี้ครึ่งโบสถ์ก็เรียกเราว่าพี่ อีกครึ่งก็ไม่มองว่าเราเด็กแล้ว ดังนั้นเค้าจะไม่ค่อยกล้ามาเตือนเวลาเราทำอะไรผิด (ถ้าไม่ได้ผิดเรื่องใหญ่ๆ) ยิ่งถ้าเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับความคิดหรือท่าทีบางอย่าง เค้าก็มีแนวโน้มที่จะปล่อยเราไป  เข้าทำนอง “ไม้เริ่มแก่ดัดยาก” ปล่อยให้เราเรียนรู้เอง ในสภาวะแบบนี้เราต้องมีสติและพึ่งพระเจ้าด้วย เพราะอีโก้และประสบการณ์หรือความสำเร็จอาจทำให้เรา “แข็งแกร่ง” ไปพร้อมกับ “หัวแข็ง” คนวัยสามสิบจึงควรระวังความคิดและถ่อมใจรับฟังคำเตือนที่อาจเหลือน้อยคนจะกล้าเตือน และพึงระลึกไว้ให้เป็นคนที่เปิดกว้างยอมรับสิ่งต่างๆ ได้ ไม่เป็นคนคอแข็งใจแข็งหัวแข็ง

 

3. เพื่อนฝูงจะเริ่มแยกย้ายกันไปหมดแล้ว

 

ภาพโดย John Salvino

 

สามสิบกันแล้วการงานก็เริ่มมั่นคง คงไม่ค่อยมีโมเมนท์นอนเล่นใต้ถุนโบสถ์พากันไปกินบิงซู บางคนต้องเลี้ยงลูก บางคนทำงานที่ไกลๆ เป็นมิชชันนารีมั้ยหรือไปทำงานต่างจังหวัด บางคนก็เรียนต่อ ป. โท เรื่องราวชีวิตจะต่างกันสุดขั้ว ไม่เหมือนวัยเรียนที่ทุกคนเรียน เราอาจเจอหลายคนน้อยลงหรือมีเวลาให้กันไม่มากแต่ก็ไม่ได้ความว่าความสัมพันธ์และความรักจะลดน้อยลง เวลานี้การได้คิดถึงกันหรืออธิษฐานเผื่อกันเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมีวาระแห่งการพบ และวาระแห่งการจากลา แต่ไม่ว่าอย่างไรชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป

 

4. ชีวิตต้องมีบาลานซ์ได้แล้ว

ภาพโดย Nubia Navarro
 

เอาแต่รับใช้จนลืมบ้าน บ้างานสุดขีด หรือ หรรษาสุดขั้ว ก็ต้องเพลาๆ บ้างแล้วล่ะครับ เพราะร่างกายต้องการการบำรุงเลี้ยงเหมือนกัน ทุกอย่างในร่างกายเริ่มทรงๆ เพราะกระดูกไหปลาร้าซึ่งเป็นกระดูกชิ้นสุดท้ายที่แผ่นปิดกระดูก (epiphyseal plate) จะเชื่อมประสานเข้าด้วยกัน ก่อนจะปิดสนิทในอายุ 28  ปี สรุปคือถ้านับจากตอนนี้ระยะเวลาก็เลยมาอย่างน้อย 2 ปีแล้ว ถ้าไม่ดูแลร่างกาย กระดูกก็จะเริ่มหลุดๆ แล้วล่ะครับ ดังนั้นจึงควรเริ่มดูแลร่างกายให้ดีจะได้มีใช้สอยให้ยาวนาน ไม่ว่าด้าน การงาน ครอบครัว คริสตจักร สุขภาพและความสัมพันธ์ ก็ต้องจัดเวลาให้ดีนะครับ

 

5.เลิกสนใจแต่ตัวเองได้แล้ว

 

ภาพโดย Raphael Koh

 

ผมไม่ได้หมายถึงให้เราสนใจเรื่องของชาวบ้านมากขึ้น  แต่เราควรสนใจสิ่งรอบข้างและผู้คนรอบตัวเรา เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งและจะเอาแต่รอให้คนอื่นมาสนใจใส่ใจเราไม่ได้อีกต่อไป เริ่มคิดที่จะเป็นผู้ให้ได้แล้วครับ คริสเตียนที่โตแล้วมีชีวิตที่อยู่เพื่อผู้อื่นและสำแดงความรักของพระเจ้า เพราะเราไม่ได้กินน้ำนมฝ่ายวิญญาณ จะงอแงเป็นเด็กๆ คงไม่เหมาะ นอกจากนั้นเราควรสนใจแผ่นดินของพระเจ้าด้วยว่าพระองค์ประสงค์สิ่งใดในชีวิตของเรา อยู่เพื่อรับใช้และมีชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่กันนะครับ

 

6. คิดถึงอนาคตได้แล้ว

 


 ภาพโดย Marc Mueller

 

“ครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เราทำหายไป ต่อให้นอนเสียดายไปจนตายมันก็เท่านั้น”
ถ้าคุณเห็นข้อความนี้แล้วร้องได้ คุณ 30 แล้วจริงๆ นะเนี่ย

ที่จะบอกก็คือเราไม่อาจรู้เวลาของเราในโลกนี้ว่าพระเจ้าจะให้ใช้ชีวิตอยู่ไปอีกกี่ปีเดือน แต่เราก็ควรเริ่มที่จะมองอนาคตของตัวเองและเตรียมตัวสำหรับครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ได้แล้วนะครับ ยังมีเวลาอีกมากที่เราจะเป็นพระพรแต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาฟูมฟายถึงสิ่งที่ผ่านพ้นมา ถึงแม้ช่วงเวลาเหล่านั้นจะเลวร้ายหรือน่าจดจำก็ตาม อย่าลืมว่าเราก็ยังมีเส้นทางข้างหน้าให้มุ่งไป นอกจากการมองแค่อนาคตบนโลกนี้ เราต้องมองถึงอนาคตอันเป็นนิรันดร์ด้วยครับ หลายคนอาจจะลงทุนลงแรงกับโลกใบนี้ไว้มาก ถึงเวลาลงทุนในโลกอันเป็นนิรันดร์กันบ้างแล้ว

 

7.รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้แล้ว

 

ภาพโดย Ben White

 

ข้อนี้พิเศษสำหรับทุกคน เพราะบางครั้งการที่เราคิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอาจทำให้เราพึ่งพาอะไรๆ น้อยลง เราจะพึ่งพาความสามารถและความรอบรู้ของตัวเองมากเกิน และอาจเผลอคิดไปว่าการขอคำปรึกษาจากผู้อื่นเป็นเรื่องอ่อนแอ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร พระเจ้ายังคงพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับเรา ความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นเรื่องส่วนตัวของเรากับพระองค์ ที่สำคัญคือเราต้องดำเนินกับพระองค์ตลอดชีวิต อย่าให้ภาระหน้าที่การงานหรือสิ่งที่ควรทำ มาแย่งเวลาที่ต้องมีกับพระเจ้า เพราะยิ่งเราแข็งแกร่งฝ่ายโลกมากเท่าไหร่ จิตวิญญาณยิ่งต้องแข็งแกร่งมากเท่านั้น ในวัย 30 เราอาจมีที่ปรึกษาด้านต่างๆ เป็นร้อยพันแต่พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ ดังนั้นอย่าลืมหาเวลาและรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระองค์ หลายครั้งที่เรามักลืมข้อนี้ไป อาจเพราะเรามีหน้าที่ในโบสถ์มากมายและงานรับใช้ก็เกิดผลในมือของเรา แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่งานที่เกิดผล…เป็นจิตวิญญาณที่เกิดผลต่างหาก

 

สุดท้าย!!! อายุเป็นเพียงตัวเลขและพระเจ้าไม่ได้สนใจตัวเลขเหล่านั้นเท่ากับความรักที่เรามีให้กับพระองค์ แม้ว่าช่วงวัยจะเปลี่ยนไปแต่พระทัยของพระเจ้ายังคงเดิม คือให้ลูกของพระองค์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณที่ใช้การได้และออกไปสำแดงความรักของพระองค์ในที่ๆ เราอยู่ ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็ยังคงเป็นลูกที่รัก ที่พระองค์ยอมให้พระเยซูคริสต์มาไถ่เรา โดยไม่เกี่ยงว่าอายุเราจะเท่าไหร่

 

ด้วยรักและ30ยังแจ๋ว


ติดตามบทความในคอลัมน์ #Featured คอลัมน์ในกระแสที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยกันในมุมมองของคริสเตียน มีประเด็นน่าสนใจเมื่อไหร่เจอกันแน่น๊อนนนน ☺


Previous Next

  • Author:
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน