คริสเตียน วันพ่อ

EP. 48

10 บทเรียนลูกผู้ชายที่ผมได้จากพ่อ


บทความต้นฉบับ โดย Jeff Robinson
แปล โดย : อุ้ย วิจิตรา , เรียบเรียง : จิ๊ก


 

บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 8 นาที

 

“พ่อของผมเสียไปเมื่อ 25 ปีก่อน ท่านผ่านวันดีเดย์ในสงครามโลกครั้งที่สองมาด้วยพระคุณพระเจ้าล้วนๆ”

 

พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า พระเจ้านำท่านให้ผ่านพ้นการรบผ่านสมรภูมิที่เรียกว่า Battle of the Bulge ในปฏิบัติการชื่อว่ามาร์เก็ตการ์เด้นของฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies’ Operation Market Garden) ซึ่งทหารอเมริกันชนะอย่างเหลือเชื่อเพราะมีกำลังน้อยกว่ามาก แถมยังถูกล้อมจากข้าศึก (พ่อบอกว่าพลร่มมีเอาไว้ให้ถูกล้อมอยู่แล้ว) และต้องตั้งรับในช่วงเวลาที่สภาพอากาศหนาวติดลบเป็นประวัติการณ์ในยุโรป พ่อเล่าว่าเป็นพระคุณพระเจ้าล้วนๆ ที่นำพ่อกลับจากสนามรบมาแต่งงานกับแม่ได้ และหลังจากนั้นไม่นานพ่อก็รับเชื่อพระเยซูคริสต์ พ่อเป็นนายทหารที่ยอดเยี่ยม เป็นพ่อที่เลี้ยงลูก 3 คนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เป็นสามีที่สัตย์ซื่อต่อภรรยา และเป็นสมาชิกในคริสตจักรที่กระตือรือร้น

 

เมื่อผมได้อ่านพระคำของพระเจ้าและย้อนคิดถึงพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อบ้านของเราผ่านคำพยานของพ่อ ผมก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับความเชื่อในพระเจ้าที่พ่อค่อยๆ ปลูกฝังในครอบครัวเรา น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ การจะหาพ่อที่รักและอุทิศตัวเพื่อพระเจ้ากลายเป็นเรื่องยาก   ถึงแม้ว่าท่านจะห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบมาก แต่พ่อของผมก็เป็นแบบอย่างของลูกผู้ชายจากพระคัมภีร์ในหลายๆ ด้านและยังสอนบทเรียนกับผมอย่างมากมาย

 

  1. สิ่งที่ถูกต้องไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายเสมอไปเพื่อนของพ่อมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พ่อผมเป็นคนที่ถ่อมใจและกล้าหาญ พ่อผมเป็นคนที่แน่วแน่มากในการทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะสิ่งที่บางครั้งดูเป็นเรื่องยาก แต่ความกล้าหาญควรแสดงออกในลักษณะที่เหมาะสมกับความถ่อมใจของพระคริสต์ พ่อของผมไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนกล้าหาญ ตอนที่ผมถามพ่อว่า กลัวไหมตอนที่ต้องกระโดดลงไปในแคว้นนอร์มังดี คำตอบของพ่อฟังดูไม่น่าเชื่อแต่ท่านตอบว่า “แหงสิ” “อ้าว แล้วทำไมพ่อถึงทำอะ?” “เพราะว่ามันมีบางอย่างที่มีค่าเดิมพันสูงกว่าและสำคัญมากกว่าความปลอดภัยของพ่อน่ะสิ” พ่อตอบ นั่นคือความถ่อมใจที่นำไปสู่ความกล้าหาญ คำอธิษฐานในสวนเกทเสมนีแสดงให้เห็นคุณสมบัตินั้นในพระเยซูคริสต์ ผมเองก็อยากเป็นแบบนั้นเช่นกัน

 

  1. สิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่สิ่งที่ได้รับความนิยมเสมอไป
    เหมือนกับการติดตามพระคริสต์ การตัดสินใจที่ถูกต้องอาจจะไม่ได้รับเสียงปรบมือจากคนอื่น หรือกระทั่งจากบางคนที่สัญญาว่าจะซื่อสัตย์กับคุณหรือกับพระคริสต์ตลอดไป บ่อยครั้งที่คุณจะต้องถูกวิจารณ์ คัดค้าน หรือแม้กระทั่งถูกปฏิเสธที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง

 

  1. ความยิ่งใหญ่พบได้ในความถ่อมใจ ไม่ใช่การโอ้อวดว่าตัวเองยิ่งใหญ่
    ผมจะไม่มีวันลืมตอนที่พ่อผมสอนวิธีการเล่นเบสบอลที่ดีว่า “ถ้าลูกอยากจะเล่นให้ดี ให้ตีลูกโฮมรัน (แต่ผมไม่ได้เล่นตำแหน่งนั้นไง) หรือไม่ก็ทำทุกทางเพื่อช่วยให้ทีมชนะ ทำตัวให้เป็นมือโปรเข้าไว้” พ่อผมต้องการให้พระเจ้าได้รับเกียรติ ไม่ใช่ตัวผม แม้ว่าจะเป็นในการแข่งกีฬาก็ตาม พ่อเคยบอกผมครั้งหนึ่งว่า “ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการที่นักเทศน์ยกตัวเองขึ้น” ผมเลยอธิษฐานขอพระเจ้าทรงปกป้องผมที่จะไม่วางท่าโอ้อวดในงานรับใช้ โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่เรามักจะพลาดกันได้ง่ายๆ

 

  1. ผู้ชายถูกสร้างมาให้ทำสิ่งที่ยาก
    ผู้ชายถูกเรียกให้ตัดสินใจเรื่องยากๆ ในบ้าน ในที่ทำงาน และในคริสตจักร ผู้ชายถูกสร้างมาให้ทำในสิ่งที่ยาก เช่น การดูแลภรรยาและเลี้ยงลูก พ่อของผมเห็นการพัฒนาที่ช้าในหมู่ชายหนุ่มในยุคของผมและท่านกังวลมาก พ่อผมเชื่อว่าการที่พระเจ้าสร้างผู้ชายให้หยาบกร้านกว่าผู้หญิงเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า พระเจ้าสร้างผู้ชายให้พร้อมสู้ตายเหมือนนักบินที่บินฝ่าดงปืนของข้าศึก

 

คริสเตียน วันพ่อ

 

  1. สามีมีหน้าที่ปกป้องภรรยา
    ทั้งทางร่างกาย ทางอารมณ์ และทางจิตวิญญาณ ผู้ชายจะต้องมอบชีวิตของเขาให้แก่ภรรยา

 

  1. พ่อมีหน้าที่ปกป้องลูกๆ
    ในทางร่างกาย ทางอารมณ์ และในทางจิตวิญญาณ ผู้ชายจะต้องมอบชีวิตของเขาให้แก่ลูกๆ

 

  1. ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

 

“เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทานจะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม
จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” – (1 โครินธ์ 10:31)

 

การที่ 1 โครินธ์ 10:31 ถูกยกมาใช้เป็นประจำในครอบครัวของผม อาจเป็นเพราะว่ามันเป็นลักษณะพ่อของผมก็ได้ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างประปา อาจารย์ นักกีฬา นักเรียน หมอ ศิษยาภิบาล หรือภารโรง คุณจะต้องไม่หยุดพัฒนาฝีมือของคุณ คุณควรพยายามที่จะทำอาชีพของคุณด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยม ซื่อสัตย์ และเอาใจใส่ พ่อผมเคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและท่านทำงานทุกชิ้นราวกับว่ามันเป็นงานชิ้นสุดท้าย ทุกแง่มุมของชีวิตเป็นของพระเจ้า และเราต้องทำทุกสิ่งเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์ ผมรู้สึกขอบคุณที่พ่อสอนสิ่งนี้ให้กับผมตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก

 

  1. ไม่มีสิ่งใดทดแทนเวลาที่เราอยู่ด้วยกันได้
    พ่อผมไม่เคยใช้คำว่า “ใช้เวลาคุณภาพ” หรือ “ใช้เวลาด้วยกันให้มาก” เพราะไม่เคยมีการแข่งเบสบอลครั้งไหน (ที่ผมเล่นไปหลายร้อยครั้ง) หรือกิจกรรมสำคัญในคริสตจักรหรือในโรงเรียนโดยที่ไม่มีพ่อ (หรือแม่) ของผมมาชม บ่อยครั้งที่พ่อสอนหรือเป็นผู้นำกิจกรรมเองด้วยซ้ำ เราไปโบสถ์ในเช้าวันอาทิตย์ เย็นวันอาทิตย์ และคืนวันอาทิตย์ทั้งครอบครัว ไม่มีใครสงสัย ทุกคนรู้ดีว่าเราเติบโตจากครอบครัวที่จริงจังกับพระเจ้า ตอนอยู่ที่บ้านเราชอบนั่งคุยกันหลายชั่วโมง ตั้งแต่เรื่องพระวจนะคำของพระเจ้า จนถึงกีฬา ข่าว หนังสือ หรือรสนิยมทางดนตรี    ก็คือ พ่อกินพื้นที่ส่วนใหญ่มากๆ ในชีวิตของผม และช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อยังคงส่งผลต่อชีวิตของผมจนถึงตอนนี้ แม้ว่าผมจะเลยวัยกลางคนมาแล้วก็ตาม

 

  1. การให้คุณค่ากับพระคริสต์เท่านั้นที่จะทำให้เราได้รับการเติมเต็ม ไม่ใช่สิ่งของ
    พระเจ้าทรงอวยพรพ่อของผมผ่านทางสิ่งของมากมาย แต่ผมไม่เคยเห็นว่าสิ่งนั้นกลายเป็นรูปเคารพสำหรับพ่อ ไม่ว่าพ่อจะเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ หนึ่งในความทรงจำที่ผมชอบที่สุดคือ การได้เติบโตขึ้นมาและเฝ้ามองพ่อกับแม่ ภายใต้ความเป็นผู้นำของพ่อ ที่คอยสรรหาอาหาร ของเล่นวันคริสตมาส หรือการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือคนจนในชุมชนของเรา ซึ่งถือว่ามากทีเดียวล่ะ และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวของเราว่า พระเจ้าทรงอวยพรเรา เพื่อให้เราเป็นพรแก่ผู้อื่น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อบอกผมว่า เราควรสะสมสมบัติของเราไว้ในแผ่นดินสวรรค์ ไม่ใช่ที่นี่ นี่แหละคือพระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่งตามหลักพระคัมภีร์

 

“ไม่ว่าพ่อจะเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆมากมายบนโลกใบนี้ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยได้เป็นเจ้าของพ่อ”

 

  1. ลูกผู้ชายที่แท้จริงพิสูจน์ได้ด้วยความกล้าหาญในการรับใช้ผู้อื่น ไม่ใช่การชี้นิ้วสั่ง
    ในเทือกเขาจอร์เจียตอนเหนือที่ผมเติบโตมา การที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นลูกผู้ชายจะต้องชนะการชกต่อยอย่างน้อยหนึ่งครั้ง นี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนตัวผอมบางอย่างผมที่น้ำหนักเพิ่งจะแตะ 45 ผมมักจะหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้เสมอ โดยการบอกเพื่อนๆ ว่า “ผมเป็นนักรัก ไม่ใช่นักสู้” แต่พ่อของผมซึ่งเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น เคยเตือนผมว่าอย่าสับสนระหว่างความเป็นลูกผู้ชายกับนักเลง ลูกผู้ชายตัวจริงคือคนที่เสียสละความต้องการของตัวเองโดยการรับใช้ผู้อื่น เหมือนที่พระเยซูได้กระทำบนไม้กางเขน ลูกผู้ชายตัวจริงจะต้องปฏิบัติตนตามอย่างพระคริสต์ ไม่ใช่พยายามทำตัวเป็นนักชก เขาจะกล้าหาญเหมือนดั่งสิงห์ และจะอ่อนน้อมถ่อมตนดังลูกแกะ เปาโลได้กล่าวใน 1 โครินธ์ 16:13-14 สรุปได้ว่า

“จงระวัง ยืนหยัดในความเชื่อ ปฏิบัติตนอย่างบุรุษ จงเข้มแข็ง และทำทุกอย่างด้วยความรัก”

 

ผมกำลังเดินตามรอยเท้าที่ยิ่งใหญ่ และผมอธิษฐานขอพระคุณของพระเจ้าให้ผมได้เป็นแบบอย่างที่นำลูกๆ มาสู่พระคริสต์และพระกิตติคุณของพระเจ้าในทางที่แข็งแกร่งและเกิดผลแบบที่พ่อเป็นมาเช่นกัน

 

 

ด้วยรักและสุขสันต์วันพ่อ

 


ชาวชูใจสามารถติดตามอ่าน #Featured คอลัมน์ในกระแส ที่หยิบจับเอาเรื่องทั่วไปมาพูดคุยในมุมมองคริสเตียนในวันพฤหัสเมื่อมีประเด็น หรือติดตามอ่านได้ทาง www.choojaiproject.org นะคะ

 


Previous Next

  • Translator:
  • Aui Wijitra
  • ผู้แปลอาสาฯ จากเมืองเจียงฮาย ผู้เชี่ยวชาญร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วเมืองเชียงรายและปริมณฑล และถึงแม้งานประจำจะล้นมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากวางมือจากการเป็นผู้แปลให้ชูใจ โอ้ย ขอมงให้นางด้วยค่ะ!
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง