เหตุผลที่เป้าหมายปีใหม่ไปไม่รอด และจะทำไงให้รอด?

EP. 49

เหตุผลที่เป้าหมายปีใหม่ไปไม่รอด และจะทำไงให้รอด?


 

ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ชอบตั้งเป้าหมายปีใหม่แล้วเฟล คุณก็มักเป็นคนที่ไม่ชอบตั้งเป้าหมายอะไรเลยเพราะรู้ว่าตัวเองจะเฟลใช่มั้ยล่ะ!

 

ไม่ต้องเหงาไปเพราะ…คนกว่า 92% ตั้งเป้าหมายปีใหม่แล้วไปไม่รอดตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมแล้ว มาดูกันว่าอะไรเป็นสาเหตุความเฟลในปีที่ผ่านมาค่ะ!

 

  1. มัวแต่รอปฏิทิน

 

สาเหตุที่คนเรารู้สึกดีกับปีใหม่ก็เพราะรู้สึกว่าได้เริ่มต้นใหม่ จึงมีแรงกระตุ้นให้เริ่มต้นทำอะไรดีๆ กับชีวิตตัวเองเลยเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าปีใหม่ ความรู้สึกตั้งต้นนี้เป็นแรงจูงใจที่ดีแต่ก็ยังไม่ใช่แรงผลักดันที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไปจนตลอดรอดฝั่ง เพราะคนที่มีแรงบาลดาลใจแรงกล้าและอยากจะเปลี่ยนตัวเองหรือ เค้าไม่ต้องรอให้ถึงวันปีใหม่ก็ได้ เค้าเริ่มลงมือทำเลย!

สมมติว่าคุณอยากจะลองวิ่งมาราธอนให้ได้ พรุ่งนี้เริ่มออกไปวิ่งดู ถ้าอยากลดน้ำหนักให้แพลนวิธีการแล้วลุยเลย ยังไม่ต้องบอกใครหรือตั้งสเตตัส ทำให้ได้ต่อเนื่องสัก 1 เดือนค่อยว่ากัน

 

 

 

  1. ไม่รู้ว่าทำไปเพราะอะไรกันแน่?

 

อยากจะลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย เก็บเงิน ปลดหนี้ เลิกโซเชียล เลิกติดหนังโป๊ ได้เกรดดีๆ ลาออกจากงาน ไปเพื่ออะไร? เคยถามใจตัวเองไหมว่าอยากทำ หรืออยากเลิกทำสิ่งนั้นเพราะอะไรกันแน่?

 

  • เพื่อคนอื่นจะยอมรับ
  • เพื่อจะมีสุขภาพดี อยู่ดูแลครอบครัวต่อไปได้
  • เพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
  • เพื่อตัวเองจะมีความสุข
  • เพื่อจะได้มีชีวิตที่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

 

ก่อนที่จะตั้งเป้าหมายปีใหม่ว่าจะทำอะไร ลองถามตัวเองใหม่ว่าตั้งเป้าพวกนั้นไปทำไม? เพราะเมื่อระหว่างที่ทำไปแล้วพบว่า เออ… การเปลี่ยนแปลงตัวเองนี่มันไม่หมูเลยแหะ เมื่อคุณไม่ลืม “จุดประสงค์เบื้องหลัง” ของแรงจูงใจนั้น คุณจะได้กลับไปตอบตัวเองถูกว่า “นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่”

 

 

คำถามพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนเราตั้งเป้าหรอก มันเกิดตอนที่เราจะต้องฝืนตัวเองลุกจากที่นอน อดกลั้นใจไม่ไปกินหมูกระทะ ห้ามใจไม่ให้ช็อปเวลาเห็นป้าย sale หรือเวลาที่เราเห็นชีวิตดี๊ดีย์ของคนอื่น ลองนั่งคุยกับตัวเองดีๆ ไหมว่า ตกลงที่ทำไปเนี่ยเพราะอะไร? เพื่อที่เราจะยืนระยะทำสิ่งนั้นได้จริงๆ ลองจับเข่าคุยกับตัวเองดูก่อนจะเริ่มตั้งเป้าใหม่ในปีนี้มั้ย ว่าจุดประสงค์ที่จะทำคืออะไร?

 

  1. ตั้งเป้าเบอร์ใหญ่เกินตัว

 

 

“ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 โล!”

“ฉันจะอ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายใน 3 เดือน!”

“ผมจะวิ่ง 2,000 โล ให้ได้เหมือนพี่ตูน!”

“หนูจะเลิกเล่นโซเชียล! จะได้มีเวลาเตรียมตัวสอบ GAT PAT”

 

ไม่ใช่ว่าตั้งเป้าเรื่องพวกนี้ไม่ดีนะ แต่ “สิ่งที่ดี” กับ “สิ่งที่เป็นจริง” สำหรับ “ตัวเรา” อาจไม่ใช่เรื่องที่ใกล้เคียงกันเท่าไหร่ เป้าหมายพวกนี้เปรียบได้กับภูเขาหิมาลัยสำหรับคนที่ไม่เคยปีนเขามาก่อน ก่อนจะตั้งเป้า ถามใจตัวเองก่อนว่า เราท้าทายตัวเองได้ขนาดนั้นไหม ถ้า…ถ้าไม่เคยมีมาก่อน หรือมีแล้วเฟลในเวลาอันรวดเร็ว ก็ให้ตั้งเป้าให้ “พอดีตัว”

นี่เป็นเรื่องของการมองและประเมินตัวเอง รู้จักตัวเองดีแค่ไหน รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหน ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง มีวินัยมากน้อยแค่ไหน เหมือนที่ในหลวง ร.9 เคยสอนไว้ในปรัชญาของความพอเพียงว่า อยู่ที่การ “ประมาณตน” ดังนั้น เป้าหมายที่ใหญ่โตชวนฮึกเหิมมันก็ดีอยู่ แต่ถ้ามันไม่ใช่ตัวเราก็ยอมรับเถอะว่าเราไม่ใช่ (แต่ก็ไม่ควรต่ำเกินจนไม่รู้สึกท้าทายด้วยนะ) แล้วก็ตั้งเป้าให้พอดีที่เราจะตื่นเต้นพอที่จะทำ

 

  1. ตั้งเป้าเยอะเกิ๊นนนน

 

โดยปรกติแล้ว คนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น… ปีใหม่นี้ ผมจะ

 

  • ตื่นเช้า
  • เล่นเกมน้อยลง
  • ออกกำลังกาย
  • อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่ม
  • สอบให้ได้5 ขึ้นไป
  • หัดเขียนโปรแกรม
  • ลงเรียนกีต้าร์

 

แล้ว… สิ่งที่เรามักจะลงเอยก็คือ ลืมไปด้วยซ้ำว่าตั้งใจทำอะไรมั่งภายในระยะเวลารวดเร็ว ดังนั้น… “อย่าเย๊อะ!”

โดยส่วนใหญ่ เป้าหมายของคนเรามักเกี่ยวพันกับนิสัย ซึ่งต้องใช้ “แรงใจ” (Willpower) ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเดิมของตัวเองเป็นอย่างมาก การตั้งเป้าเยอะสิ่งก็ไม่ต่างกับการกลบหลุมทับแรงใจของตัวเองที่ยังไม่แข็งแรงนัก นอกจากทำให้ตัวเองไม่สามารถโฟกัสได้แล้วว่าจะทำอะไรก่อน และเมื่อเราทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่างก็จะยิ่งไปสร้างความรู้สึกผิดกับตัวเองในใจ จนเสียความมั่นใจที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอีก ยิ่งเราโฟกัสกับเป้าหมายน้อยอย่าง พลังของการทำให้สำเร็จก็ยิ่งมีเยอะเท่านั้น ลองถามใจตัวเองดูอีกทีว่า “อะไรที่เราอยากจะเปลี่ยนตัวเองจริงๆ หนึ่งอย่าง”

 

 

 

  1. หากลุ่มเพื่อนร่วมอุดมการณ์ หรือคนที่ช่วยเช็คเราได้

 

“ไปด้วยกันไปได้ไกล” การรู้ว่ามีเพื่อนที่กำลังฝ่าฟันอะไรบางอย่างไปด้วยกันและช่วยเหลือกันมันก็ทำให้รู้สึกไม่หว่าเว้ในโลกนี้เพียงตัวคนเดียว จริงมั้ย?

 

“มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา
และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก” – (สุภาษิต 17:17)

 

มันก็ไม่ต่างกับเวลาที่เราเป็นคริสเตียนคนเดียวในที่ทำงาน หรือโรงเรียนแล้วจะทำให้เรารู้สึกแปลกแยก การที่เรารู้ว่ามีคนคิดเหมือนกับเรา เชื่อเหมือนกับเรา หรือตั้งเป้าในสิ่งเดียวกันเมื่อมารวมตัวกันมันจะเกิดพลัง เพราะเมื่อได้ออกกำลังกายด้วยกัน ได้พูดคุยแบ่งปันกันเรื่องวิธีลดน้ำหนัก ติดตามถามไถ่ว่าถึงไหนแล้ว มีคนเดินมาตบบ่าว่า “เฮ้ย อย่าพึ่งท้อดิ” สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดพลังงานบางอย่างมากกว่าตัวเราเพียงลำพังเสมอ

 

  1. ไม่ยอมเขียนเป้าหมายให้มองเห็นได้ทุกวัน

การเขียน/วาดเป้าหมายลงไปหลังจากที่ตั้งใจไว้ให้มองเห็นได้ทุกวัน เป็นสิ่งที่สร้างแรงจูงใจต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด มีผลวิจัยเรื่องการตั้งเป้าว่า คนที่เขียนเป้าหมายลงไปมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จสูงถึง 50% และคนที่เขียนเป้าหมายและวางไว้ในที่ๆ เห็นได้ทุกวันจะยิ่งสำเร็จมากขึ้น การเห็นเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้เป็นสิ่งที่เตือนเราไม่ลืมความตั้งใจนั้น  ดังนั้น แปะ ค่ะ แปะ!

 

 

 

  1. ขอแบบเป็นรูปธรรม

 

ถ้าเราตั้งเป้าว่า “จะเฝ้าเดี่ยวทุกวัน” แต่ไม่แตกออกมาเป็นวิธีการ ไม่ระบุเวลาที่ทำ และทำไม่ต่อเนื่อง ย่อมไม่มีทางที่เราจะได้นิสัยใหม่นั้นมาแน่นอน

การที่สิ่งหนึ่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันขึ้นมา หมายความว่าเราทำสิ่งนั้นได้โดยอัตโนมัติและไม่ฝึนใจ ดังนั้นถ้าตั้งใจว่า จะเฝ้าเดี่ยวทุกวัน ต้องระบุกับตัวเองเป็นวิธีการในแต่ละวันว่า

  • จะเฝ้าเดี่ยวเวลาไหนของวัน เช้าหรือก่อนนอน?
  • จะใช้เวลากี่นาที?
  • จะจดลงไดอารี่ไหม หรือขีดลงบนปฏิทินไหมเพื่อจะได้เห็นพัฒนาการของตัวเองว่าทำไปกี่วันแล้ว
  • เริ่มเมื่อไหร่?
  • มีใครอยากทำไปด้วยกันกับเราไหม? เช่น แลกสมุดเฝ้าเดี่ยวกันอ่าน

รู้อย่างนี้แล้ว ลองอธิษฐานและขอพระเจ้าเข้ามาช่วยคุณได้นะ นี่พูดจริงๆ พระคำของพระเจ้าบอกเราว่า “เพราะความอ่อนแอมีที่ไหนเดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” 2 โครินธ์ 12:9 เพราะที่ผ่านมาเราอาจจะพึ่งในกำลังของตัวเองเพียงอย่างเดียวไงเลยไม่สำเร็จ

ปีใหม่นี้ขอให้เรายอมรับในความเฟลของตัวเองที่ผ่านมา เพื่อให้ฤทธิ์เดชของพระเจ้าเข้ามาช่วยให้เราเห็นชัดมากขึ้น

#ด้วยรักและปีใหม่

 

 


อ้างอิง :

https://www.cbsnews.com/news/why-new-years-resolutions-fail-and-how-to-make-them-stick/

http://www.lifehack.org/articles/lifestyle/10-reasons-why-new-years-resolutions-fail.html


Previous Next

  • Author:
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)