EP. 3/8

ทำไมคริสเตียนเจน X จึงชอบชน? [Church & Gen ตอนที่ 3]


บทความนี้ใช้เวลาในการอ่านประมาณ 8 นาที


 

 

คนเจน X (Generation X)
[คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2522  – อายุประมาณ 39 – 53 ปี]

________________

 

เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชนเจน X จึงเป็นรุ่นที่มักพุ่งชนกับทุกสิ่งอย่าง เจนที่บ่มเพาะความ ‘กบฏ’ ไว้ในทุกภาคส่วนของชีวิต ไม่ว่าจะกับรุ่นพ่อแม่ การเมือง วิธีคิดในการทำงาน ไม่วายแม้กระทั่งความเชื่อ อยากเข้าใจกันมากขึ้นทำไงดี เราลองมาทำความใจกันดูว่า บริบทที่เขาเติบโตมานั้นเป็นอย่างไร แล้วคนเจน X จะอยู่ร่วมกันคนเจนอื่นอย่างเป็นสุขๆ ได้ยังไง ไปดูกัน!

 

มวยคู่เอก: ผู้ใหญ่เบบี้บูมเมอร์ ปะทะ เด็กเจน X

 

เรามักกลัวในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ผู้ใหญ่ก็กลัวว่าลูกหลานจะเสียคนจากวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่เข้ามา

 

สิ่งต่างๆ เริ่มฟูฟื้นขึ้นหลังสงครามโลกอันยาวนาน ผลจากการทำงานอย่างหนักของคนรุ่นก่อนๆ โดยเฉพาะเบบี้บูมเมอร์ได้สร้างความเจริญมากมายให้กับสังคม ในอเมริกาคนเบบี้บูมเมอร์เป็นเจนเนอเรชั่นยิ่งใหญ่ ที่มีคุณูปการต่อสังคมจวบจนทุกวันนี้ พวกเขาเป็นรุ่นแรกที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ผลที่เกิดขึ้นจากการที่พ่อแม่เบบี้บูมเมอร์ในอเมริกาทำงานหนักเกินไปคือการถูกปล่อยปละละเลยของลูกๆ ส่งผลให้เด็กเจน X ที่เกิดมาเป็นรุ่นที่มีความโดดเดี่ยว ติดเพื่อน ผลจากการต้องพึ่งพาตัวเอง และชอบการแข่งขัน สะท้อนออกมาในวัฒนธรรมต่างๆ ของวัยรุ่นที่เต็มไปด้วย ความหม่นทึม รุนแรงและแปลกประหลาด(สำหรับผู้ใหญ่)

 

 

สำหรับในประเทศไทยจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจากระบบการศึกษาและความเจริญในด้านต่างๆ ของเรานั้นจะตามหลังตะวันตกอยู่เล็กน้อย เจน X จึงเป็นรุ่นแรกที่ผู้หญิงกับผู้ชายเริ่มได้รับการศึกษาและมีบทบาทนอกบ้านพอๆ กัน แต่ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั่วโลกมีการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) ด้านต่างๆ อย่างเข้มข้น เช่น การเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว การรณรงค์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และอื่นๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเจน X ในไทยก็ไม่ต่างกัน เพราะได้รับอิทธิพลจากโลกตะวันตกมาเช่นเดียวกัน

 

ความคลาสสิก ปะทะ ความป๊อบ

 

พอพ้นจากยุคสร้างชาติให้เป็น ไทยๆมาได้ไม่เท่าไหร่ ทีวีบ้านเราก็ไม่ได้มีแต่ช่อง 4 บางขุนพรหมอีกต่อไป ในปี 2517 ช่อง 4 ซึ่งเป็นช่องขาวดำก็ได้เปลี่ยนเป็นช่อง 9 ที่มีสี

 

นอกจากทีวีแล้ว การเข้ามาของเทปคาสเซ็ตและหนังสือการ์ตูน ก็ทำให้วัยเด็กของเจน X ต่างออกไป การไหลทะลักเข้ามาของสื่อตะวันตกและตะวันออกอย่างญี่ปุ่นนั้นส่งผลต่อความคิด ค่านิยม และวิถีชีวิตของคนเจน X ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย ระหว่างพ่อแม่เบบี้บูมเมอร์ที่ถูกสอนให้อยู่ในกรอบและเชิดชูความเป็นไทย กับเจน X ที่ชื่นชมความเจริญก้าวหน้า ศิลปะ สื่อบันเทิงต่างประเทศ เกิดเป็นวัฒนธรรมวัยรุ่น เช่น วัฒนธรรมชาวร็อค เมทัล ป๊อปคัลเจอร์ หรือการคลั่งไคล้การ์ตูน เป็นหนึ่งในสาเหตุแห่งความไม่เข้าใจกันระหว่างพ่อแม่เจนเบบี้บูมเมอร์ กับลูกๆ เจน X การที่ผู้ใหญ่ในยุคนั้นยังไม่สามารถทำความเข้าใจและปรับตัวกับการไหลบ่าทางวัฒนธรรม ทำให้เกิดความแปลกแยกระหว่างวัยในครอบครัว

 

(การ์ตูนรุ่นแรกๆ ในประเทศไทยพิมพ์ด้วยระบบ 8 ยก)

 

วัฒนธรรมที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ส่งผลให้คนรุ่นก่อนๆ มองว่าเจน X ไม่รู้จักโต หลายสิ่งที่ผู้ใหญ่เข้าถึงได้ยากจนอาจไม่เข้าใจ บางอย่างก็ดูแข็งกร้าวเกินไปเช่น ดนตรีเมทัล  หรือบางอย่างก็ดู อ่อนนุ่มมากเกินไป เช่น การ์ตูนญี่ปุ่น  หรือการเล่นเกม สิ่งอันตรายอย่างหนังผี และภาพยนตร์ฮอลลีวูทที่เต็มไปด้วย ภาพของอบายมุข การชิงสุกก่อนห่าม ในสายตาผู้ใหญ่เจน X ในวัยเด็กจึงถูกมองว่า เป็นคนก้าวราวรุนแรง หรือเหลาะแหละ หมกมุ่น ใช้การไม่ได้

 

 

ระยะทาง  ปะทะ ความสัมพันธ์

ระบบการศึกษาและการทำงาน ทำให้ความเหินห่างในครอบครัวยิ่งมาก  ทำให้คนเจน X จำนวนไม่น้อยที่ต้องไปเรียนโรงเรียนประจำ ไปเรียนต่างจังหวัด หรือไปเรียนเมืองนอก ดังนั้นสายสัมพันธ์ในครอบครัวของคนรุ่นนี้จึงยิ่งเหินห่าง ทั้งอัตราการหย่าร้างที่เริ่มเพิ่มสูง ยิ่งทำให้เจน X กับพ่อแม่ยิ่งมีปัญหาเมื่อกลับมาบ้านแล้วครอบครัวเปลี่ยนไป จนรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกต่อไป การศึกษาที่สูงขึ้นทำให้คนเจน X เป็นรุ่นที่ต้องจากบ้านไปทำงานไกลๆ ตามสายอาชีพที่เรียนอีกด้วย

 

(แบบเรียนสมัยเจน X เป็นเด็กประถม)

 

ความเหงา ปะทะ ความสุข

 

รายได้ของคนเจน X ในไทยนั้นอยู่ในระดับที่สูงเพราะพวกเขาได้รับเงินเดือนที่มากขึ้นตามระดับการศึกษา คนเจน X จำนวนมากได้รับตำแหน่งในบริษัทสูงกว่าคนรุ่นก่อน หรือไต่เต้าในหน้าที่การงานได้ไวกว่าเพราะดีกรีปริญญาที่มี ประกอบกับในยุคที่พวกเขาเริ่มทำงานนั้นเศรษฐกิจทั่วโลกเติบโตก้าวกระโดด และเป็นยุคทีเรียกว่าทุนนิยมกำลังเบ่งบ่านสุดขีด

 

 

ความเหงามากมายในเวลาที่ต้องเติบโตอย่างโดดเดี่ยวหรือ อยู่ห่างไกลครอบครัว บางคนจึงกันไปยึดเหนี่ยวด้านวัตถุ หรือ การแสวงหาความเล้าโลมใจในรูปแบบต่างๆ เช่น การชนแก้ว การท่องราตรี ของแบรนด์เนม หรือ ความมั่งคั่งด้านการลงทุน ตลาดหุ้นหรือ แม้กระทั่งการซื้อบริการทางเพศ

 

 

ความรู้แบบชาวโลก ปะทะ ความเชื่อ

 

คนเจน X เชื่อในความความเป็นวิทยาศาสตร์ ความรู้ และวัตถุ อิทธิพลของการศึกษาทำให้คนเจน X มีความคิดเป็นของตัวเอง เชื่อในหลักการ ความรู้ที่เป็นวิชาการ และพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์  คนเจน X ทั่วโลกเหินห่างจากศาสนามากขึ้นเพราะมองว่าความเชื่อหลายอย่างงมงาย ไม่มีเหตุมีผล คนจำนวนมากกลายเป็นบุคคลไร้ศาสนา  ต่อต้านความงมงาย และต้องการเชื่อในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล ถึงอย่างนั้นคนเจน X ก็ยังคงต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อยึดเหนี่ยว เพราะพวกเขาเติบโตขึ้นมาในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปและไร้เครื่องยึดเหนี่ยว

 

(วง X-Japan)

 

คริสตจักรเองก็ต้องเผชิญกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่เข้ามา เช่น กางเกงยีนส์ ดนตรีสตริง จากแต่เดิมที่โบสถ์มีลักษณะเป็นครอบครัว หรือมีผู้เชื่อตามท้องถิ่น ก็เริ่มมีนักเรียน-นักศึกษาที่ข้ามจังหวัดมาร่วมนมัสการ สิ่งที่ติดมากับนักเรียน-นักศึกษาเหล่านี้ก็คือ อิทธิพลของการจัดกิจกรรมที่นำรูปแบบของมหาวิทยาลัยเข้ามาใช้ในโบสถ์ เช่น การรับน้อง การจัดระบบพี่เลี้ยง-น้องเลี้ยง การทำกิจกรรมอาสาสมัคร หรือแม้กระทั่ง การนำระบบบริหารองค์กรมาใช้ในคริสตจักร

 

ด้วยอิทธิพลของระบบอุดมศึกษาการใช้ความรู้ตามสาขาที่เรียนของคนเจน  X  ก็ได้เข้ามามีอิทธิพลในคริสตจักรอย่างมาก คนเจน X ที่คุ้นชินกับระบบการแบ่งงานกันทำ พวกเขาร่ำเรียนในสาวิชาชีพขาต่างๆ และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ คริสตจักรจึงเต็มไปด้วยผู้รู้ และอาจารย์มากมาย  คำว่าผู้รับใช้  Part-time เองก็เกิดขึ้นมาในช่วงนี้ เพราะคนเจน X มองว่าการเรียนพระคัมภีร์ ก็เป็นการเรียนสาขาวิชาหนึ่ง และการรับใช้นั้นก็เป็นงานรูปแบบหนึ่งและงานข้างนอกก็คือการรับใช้ในอีกรูปแบบหนึ่ง เส้นทางการรับใช้เต็มเวลาของคนเจน X จึงไม่เหมือนรุ่นพ่อแม่ พวกเขาอาจเรียน ป.ตรีก่อน แล้วมาเรียนพระคัมภีร์ รับใช้แล้วลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว หรือ ทำงานควบคู่กับการรับใช้

 

รูปแบบการจัดการบริหารองค์กรถูกนำมาใช้ในการรับใช้ด้วย และคนเจน X ก็ยังมีเป้าหมายในการรับใช้ส่วนตัวอีกด้วย คนเจน X มักพอใจกับการได้เห็นผลงานที่พิสูจน์ได้เป็นตัวเลขหรือสถิติ และมีการตั้งเป้าหมายในการรับใช้ ไม่ต่างกับการทำงานภายนอกเพราะโลกที่เขาเติบโตมาเป็นแบบนั้น

_________________

 

ข้อดีของเจน X

เป็นผู้นำอยู่ในสายตาของทั้ง เบบี้บูมมเอร์ และเจน Y

คนเจน X นั้นเก่งเรื่องการวางแผน อีกทั้งมีโครงข่ายความสัมพันธ์ ที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสร้างความร่วมมือ ทั้งเครือข่ายของคริสตจักร เครือข่ายขององค์กรภายนอกมาก เพราะมีอายุการทำงานและประสบการณ์การทำงานกับผู้คนหลากหลาย  อีกทั้งยังเป็นตัวประสานระหว่างคนเบบี้บูมเมอร์และ เจน Y ได้ดีที่สุดอีกด้วย

 

มีนิมิต แรงผลักดัน ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น

ต้องขอบคุณการ์ตูนยอดมนุษย์และหนังไอ้มดแดงทั้งหลาย คนเจน X ชอบที่จะเปลี่ยนโลก และปกป้องสิ่งที่พวกเขาหวงแหน “ในความเด็ดเดี่ยว และหัวสมัยใหม่ของเจน X พวกเขาจึงมักเป็นแกนนำ นักรณรงค์ และ ต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นอีกด้วย เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นพวกเขาจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ จนกว่าเป้าหมายของเขาจะสำเร็จ”

 

 

คนเจน X จะอยู่ร่วมกับคนเจนอื่นๆ ในโบสถ์อย่างไร?   

 

ลดความคาดหวังว่าทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์แบบ  เพราะคนเจน X นั้นเป็นรุ่นที่เก่งและประสบความสำเร็จได้เร็ว ดังนั้นพวกเขาอาจมีทิฐิสูง และมั่นใจในระบบ หรือรูปแบบการทำงาน  การมองที่ผลลัพธ์ การผลักดันให้เป้าหมายประสบความสำเร็จนั้นก็ดีอยู่ แต่คริสตจักรยังมีส่วนที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์และผู้คนอยู่ด้วย การที่มีบางอย่างไม่สมบูรณ์แบบนั้น อาจไม่ได้เติมเต็มด้วยการจัดการ แต่เติมเต็มด้วยความรัก

 

ให้เกียรติและถ่อมใจ การมองที่ส่วนดีของกันและกันนั้นทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว เพราะความรู้ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันและมีเพื่อเสริมสร้าง การรับฟังและให้เกียรติจะช่วยให้รับใช้หรืออยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข มื่อวาง Ego ของผู้มีการศึกษาและประสบการณ์ลงจะช่วยให้ได้รับมุมมองจากคนต่างสาขาอาชีพ คนต่างวัยที่สดใหม่ และเปิดช่องว่างให้พระเจ้าได้มีส่วนร่วมในการทำงานและพันธกิจ

 

เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่มาก เจน X จึงสามารถรับใช้หรือทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากไม่เปิดช่องว่างให้เด็กรุ่นใหม่ได้ทดลอง ก็อาจจะพลาดการสร้างคน หรือส่งต่องานได้ คนเจน X อาจต้องใจเย็นกับคนรุ่นใหม่อย่างเจน Y บางอย่างอาจยังดูขัดหูขัดตาบ้าง แต่การช่วยแนะนำและเปิดใจให้โอกาส จะช่วยให้คนเจน Y พัฒนาไปไกลขึ้น

 

 

“หากเราเปิดใจให้แก่กันและกันด้วยความรัก ไม่ว่าจะเจนไหนก็อยู่ร่วมกันได้”

ในตอนหน้า Church & Gen “คนละรุ่นเดียวกัน” จะมาพูดถึงเจน Y กันต่อ รอติดตามด้วยการกด See first บนหน้าเพจชูใจนะและสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก ครับ สามารถอ่านตอนอื่นๆในซีรีส์นี้ ได้ทาง >>> https://www.choojaiproject.org/category/articles/featured/churchgen/

 

 

*บทความนี้เขียนและรวบรวมขึ้นมาเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีสำหรับคนหลายวัย โดยชี้ให้เห็นถึงบริบททางสังคมที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในแต่ละยุคอย่างกว้างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงอิทธิพลของสังคมที่มีผลต่อมุมมองของคนแต่ละวัยเพื่อสร้างความเข้าใจแก่กันและกัน ทั้งนี้บริบททางสังคมเป็นเพียงส่วนประกอบเดียวในการรับรู้ของบุคคลซึ่งไม่ได้เป็นตัวกำหนดความคิด แบบแผนพฤติกรรมทั้งหมด ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้แต่ละคนมีความแตกต่างกันด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.bbc.com/culture/story/20170316-whatever-happened-to-generation-x

https://en.wikipedia.org/wiki/Generation_X

 

 


Previous Next

  • Author:
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
  • Illustrator:
  • Jostar
  • พี่ชายผู้อบอุ่นละมุนละไม เวลาใส่หมวกกันน๊อคแล้วนั่ลล๊าคดั่ง Pororo อดีตมาสเซอร์วิชาสอนศิลปะ ปัจจุบันถวายตัวรับใช้ที่โบสถ์สไตล์ลอฟๆ ชอบขีดๆ เขียนๆ วาดๆ
  • Editor:
  • Jick
  • บก.ชูใจ ผู้ใฝ่ฝันจะชูใจน้องๆ จากความพลาดของตัวเอง