EP.53

บุพเพสันนิวาส แต้มบุญ แลชาติภพ (แม่หญิงชูใจจักเทียบเคียงพระคัมภีร์ให้เห็นแจ้งไปเจ้าค่ะ!)


บทความนี้ใช้เพลาอ่านราว ๑ บาท (๖ นาที)


 

ด้วยพลังนิยมจากละครโทรทัศน์ที่กล่าวถึงอื้ออึงไปทั่วเมืองสยามนามว่า “บุพเพสันนิวาส” ทำให้ข้า (พี่ชูใจ) ที่มีฐานะเป็นผู้ชมคนหนึ่งเกิดคันไม้คันมือ อยากจักเขียนกล่าวในมุมส่วนของชาวคริสต์ โดยลงบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรตามประเด็นที่ตัวข้าคิดเห็นว่าน่าสนใจดูเสียบ้าง แลเทียบเข้ากับพระคัมภีร์เพื่อให้มีความรู้ประดับหัวตามวิถีทางแห่งความเชื่อของผู้ที่เรียกตัวว่าคริสเตียน

 

หากออเจ้าใคร่รู้ก็ตามดูเอาเถิด

๑. บุพเพสันนิวาส

 

 

อันที่จริงประเด็นบุญกรรมส่อเค้ามาตั้งแต่ชื่อเรื่อง ด้วยคำว่า “บุพเพสันนิวาส” ที่รับมาจากภาษาบาลีว่า ปุพฺเพสนฺนิวาส (อ่านว่า ปุบ-เพ-สัน-นิ-วา-สะ)

 

  • ปุพฺเพ (อ่านว่า ปุบ-เพ) แปลว่า ก่อน แรก เบื้องต้น เบื้องหน้า
  • สนฺนิวาส (อ่านว่า สัน-นิ-วา-สะ) แปลว่า อยู่ร่วม

 

ดังนั้น ปุพฺเพ + สนฺนิวาส = การเคยอยู่ร่วมกัน ซึ่งขยายความหมายได้ว่า การเคยอยู่ร่วมกันในชาติก่อน (หมายเอาเฉพาะผู้เคยอยู่เป็นคู่สามีภรรยา)

 

 

ตามละคร:

 

เกศสุรางค์กับคุณพี่หมื่นสุนทรเทวาเป็นเนื้อคู่ตามชะตาฟ้าลิขิตที่ทำบุญร่วมกันมา ดังนั้นมิว่าเกิดในกี่ภพกี่ชาติ บุพเพสันนิวาสก็จักนำให้ทั้งสองได้เป็นคู่กันทุกชาติๆ ไป ส่วนบุพเพสันนิวาสจักทำให้คู่กันทุกชาติอย่างไรต้องตามดูเอาเอง ข้าบอกเล่าได้เท่านี้ มิเช่นนั้นจักเป็นการสปอยล์ไปเสีย

 

ตามพระคัมภีร์:

 

  • บุพเพสันนิวาส มิมีจริงตามหลักพระคัมภีร์ เพราะคำจำกัดความของมันคือ การเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน แลคริสเตียนมิมี “แต่ปางก่อน” แน่นอนเจ้าค่ะ

 

  • มิมีบุพเพสันนิวาส = มิมีเนื้อคู่

ถ้าเนื้อคู่ตุนาหงันคือคนที่เคยครองคู่กันมาแต่ชาติปางก่อนก็บอกได้เลยว่าเนื้อคู่มิมีอยู่จริงแน่ … แต่อย่างไรก็ตาม พระเจ้ามีแผนการในอนาคตข้างหน้าเตรียมไว้สำหรับออเจ้าแล้ว แลมิว่าจักเป็นการแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยา หรือการอยู่โสดก็ล้วนเป็นของประทานทั้งสิ้น

 

“ทุกคนก็ได้รับของประทานจากพระเจ้าเหมาะกับตัว
คนหนึ่งได้รับอย่างนี้ และอีกคนหนึ่งได้รับอย่างนั้น”
(๑ โครินธ์ ๗:๗)

 

แน่นอนอีกว่าพระเจ้าผู้สร้างย่อมรู้จักตัวเราดีที่สุด ดังนั้นก็จงชื่นชมยินดีกับทุกสิ่งที่ได้ (แลมิได้) นะเจ้าคะ

 

 

_________________________

 

 

๒. ชาตินี้ชาติไหน?

 

จากความเชื่อฝังรากของคนไทยอย่างเราๆ ออเจ้าคงได้ยินการอ้างอิงสิ่งเหล่านี้ผ่านหูมาบ้างตั้งแต่ยังเล็ก เช่นว่า กินทิ้งกินขว้างระวังชาติหน้าเอ็งจักมิมีกิน, ชาติที่แล้วคงทำบุญมามากโขจึงหน้าตาดี ฯลฯ

 

นี่เป็นเรื่องของแต้มบุญที่เก็บสะสมกันข้ามชาติให้ส่งผลวนกันไป  ตัวข้าก็มิอาจรู้แน่ชัดว่าเรื่องชาตินี้ชาติหน้ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด แต่ฉบับเก่าแก่ที่สุดที่ข้ารู้มามีปรากฏในแบบเรียนไทย นั่นคือ นิทานชาดก ๕๐๐ ชาติ จึงมิแปลกที่ความเชื่อเหล่านี้ยังถูกส่งต่อให้ชนชาติสยามรุ่นต่อรุ่น เมื่อมาอยู่ในรูปแบบเรื่องเล่าหรือละครก็ยิ่งทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่ายนัก

 

ตามละคร:

 

เรื่องชาตินี้ชาติไหนมีความสำคัญกับเส้นเรื่องหลักมากทีเดียว เพราะมันจักตอบข้อข้องใจตามที่ปูเรื่องมาได้เกือบทั้งหมด เช่นว่า แม่หญิงการะเกดคือชาติที่แล้วของเกศสุรางค์ฤๅไม่? หมื่นเรืองคือชาติที่แล้วของไอ้เรืองฤๅไม่? เกศสุรางค์จักอยู่ในร่างแม่หญิงการะเกดตลอดไปฤๅไม่? แลสรุปแล้วเกศสุรางค์จักเลือกใคร? ฯลฯ

 

ติดตามคำตอบทั้งหลายได้ที่อื่น เพราะข้าจักมิบอกที่นี่เป็นแน่… ข้ามีจรรยาบรรณเจ้าค่ะ

 

ตามพระคัมภีร์:

 

  • มีชาติเดียว = มิมีอดีตชาติ = มิมีชาติหน้า

พระคัมภีร์บอกไว้ว่าคริสเตียนอย่างเราน่ะมีชาติเดียว มิต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นวงจรดั่งยุง

 

“มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว”
(ฮีบรู ๙:๒๗)

 

_________________________

 

 

๓. แรงกรรม

 

คำว่า “กรรม” เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤตว่า กรฺมนฺ (อ่านว่า  กัร-มัน) ตรงกับคำในภาษาบาลีว่า กมฺม (อ่านว่า  กัม-มะ) แปลว่า การกระทำ

 

คำนี้มีที่มาจากความเชื่อทางพุทธศาสนาที่เชื่อว่า สิ่งที่เราพบประสบในชีวิตนี้เป็นผลแห่งกรรมที่เราประกอบไว้ในอดีต ทั้งในชาตินี้และชาติก่อนๆ ความโชคดีหรือเคราะห์ร้ายที่ได้รับเป็นผลแห่งกรรมที่ตนเองตัดสินใจทำเองทั้งสิ้น คนที่ได้รับผลร้าย เคราะห์ร้าย หรือความเลวร้ายต่างๆ อาจเกิดจากกรรมของตนเองในอดีต คนที่ต้องการสิ่งดีผลดี จึงต้องทำกรรมดี

 

 

ตามละคร:

 

การะเกดต้องตายเพราะมนต์คาถากฤษณะกาลีที่คุณพี่หมื่นสุนทรเทวาร่ายไว้เอาผิดคนทำชั่ว นี่คือหนึ่งผลจากแรงกรรมชั่วที่ทำให้การะเกดต้องทุรนทุรายจนจบชีวิตลง ซึ่งพอเป็นวิญญาณก็โดนยมทูตถือบ่วงมาจับไปลงนรกตามแรงกรรมที่ได้ทำไป ภาพตัวอย่างเปรียบเทียบของแรงกรรมที่เห็นได้ชัดเจนในละครคือฉากวิญญาณเกศสุรางค์ผู้ทำกรรมดีได้อยู่ในทุ่งกว้างลมเย็นเห็นผีเสื้อบินว่อน กำลังสนทนากับวิญญาณของการะเกดผู้ทำกรรมชั่วแดงเดือดโหยหวนอย่างทรมานอยู่ในนรกนั่นเอง

 

ตามพระคัมภีร์:

 

  • ไม่มีมนุษย์ผู้ใดไม่เคยทำบาป (หรือที่เรียกว่ากรรมชั่ว)

 

แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก
ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย
(ปัญญาจารย์ ๗:๒๐)

 

  • แต่ด้วยพระคุณแลความรักของพระเจ้าที่ทำให้ชนชาวโลกทั้งหลายรอดพ้นจากผลบาป (กรรมชั่ว) ของตนเองได้โดยมีพระเยซูผู้ช่วยไถ่เราให้พ้นจากโทษทัณฑ์ของความบาป อันได้แก่ “ความตายฝ่ายวิญญาณ” เพราะความบาปเพียงเล็กน้อยก็นำไปสู่ความพินาศในบึงไฟนรก

 

แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า
โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว
(โรม ๓:๒๔)

 

พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
(ยอห์น ๓:๑๖-๑๗)

 

ดังนั้นหากออเจ้าเป็นผู้เชื่อก็พออุ่นใจได้อยู่ว่าจักรอดเป็นแน่เมื่อวันพิพากษามาถึง

 

_________________________

 

 

๔. แต้มบุญแห่งการสะสม หยิบยืม และแจกจ่าย

 

“บุญ” (ปุญญ) แปลว่า ชำระ หมายถึง การทำให้หมดจด ปราศจากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ ความโลภ (โลภะ) ความโกรธ (โทสะ) และ ความหลง (โมหะ)

 

ตามความเชื่ออย่างพุทธศาสนาคือ มนุษย์สามารถสร้างบุญได้ 10 ทาง ซึ่งเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ได้แก่ การทำทาน, การรักษาศีล, นั่งสมาธิวิปัสนา, เป็นผู้นอบน้อมต่อผู้ที่ควรจะนอบน้อมด้วย, ขวนขวายในการทำงาน, การส่งต่อบุญที่มีให้คนอื่น, การยินดีที่คนอื่นมีบุญ, การฟังธรรม, การแสดงธรรม และการมีความคิดเห็นที่ถูกต้อง

 

ดังนั้นคงมิผิดหากจักกล่าวว่าแต้มบุญในความหมายเช่นนี้สามารถสะสมได้ หยิบยืมได้ และแจกจ่ายได้

 

 

ตามละคร:

 

  • สะสมแต้มบุญเพื่อประโยชน์ในภายหน้า: มีบอกในหนังสือบทละครว่าเกศสุรางค์ที่ตักบาตรทำบุญทุกเช้า ตายไปก็มีแต้มบุญสะสมได้กินอาหารคาวหวาน ส่วนการะเกดที่ไม่เคยเข้าวัดทำบุญนั้นแต้มเกือบติดลบ ตายไปก็ไม่มีสิทธิจะกินอาหาร

 

  • ยืมวิญญาณมาเติมแต้มบุญ: การะเกดต้องตายเพราะมนต์คาถากฤษณะกาลีที่คุณพี่หมื่นสุนทรเทวาร่ายไว้เอาผิดคนทำชั่ว เมื่อวิญญาณเข้าร่างไปใช้ชีวิตต่อมิได้เพราะ “สิ้นบุญ” การะเกดจึงยื่นไม้ต่อขอร้องให้วิญญาณของเกศสุรางค์เข้าร่าง แลทำดีเพื่อชดเชยความผิดที่ตนเคยทำไว้

 

  • แจกจ่ายแต้มบุญด้วยการทำบุญเผื่อ: เกศสุรางค์ในร่างการะเกดไปวัดปฏิบัติธรรมเพื่อทำบุญเผื่อผู้อื่นเสมอๆ โดยพูดว่า “อุทิศให้…” เพื่อผลบุญจะไปตกที่คนเหล่านั้น

 

ตามพระคัมภีร์:

 

  • มิมีผู้ใดสั่งสมบุญได้มากพอ ในสายตาของพระเจ้านั้นทุกคนไม่ต่างกัน ด้วยทุกคนล้วนแล้วแต่ทำบาป แลเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า

 

“แต่เดี๋ยวนี้ความชอบธรรมของพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือธรรมบัญญัติ … คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ โดยไม่ทรงถือว่าเขาแตกต่างกัน เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
(โรม ๓:๒๑-๒๓ )

 

  • มีเพียงพระเยซูคริสต์องค์เดียวเท่านั้นที่ทรงปราศจากมลทิน แลทรงไถ่บาปแก่เราทุกคนได้ เพื่อจะไม่มีผู้ใดอวดได้เพราะความรอดนั้น มิใช่ด้วยการกระทำอันใด แต่ด้วยความเชื่อ

 

“แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย”
(โรม ๓:๒๔-๒๖)

 

“ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้”
(เอเฟซัส ๒:๘-๙)

 

  • คริสเตียนมิได้ทำความดีเพื่อให้บุญตกแก่ตัวเรา แต่เพื่อให้ความดีที่ได้ทำเป็นเหตุให้ผู้คนสรรเสริญพระเจ้า แลเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้อื่น

 

“เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ”
(เอเฟซัส ๒:๑๐)

 

_________________________

 

ส่งท้ายสักหน่อย พี่ชูใจเห็นดังนี้ว่า การอยู่ในสยามประเทศอันรุ่งเรืองไปด้วยความเชื่อหลากหลายเยี่ยงนี้ ชาวคริสต์เช่นเราย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงเรื่องราวของความเชื่อที่แตกต่างจากสื่อมากมายได้หมด แลนวนิยายก็คือนวนิยายนะจ๊ะพี่จ๋า ออเจ้าดูเอาความบันเทิงได้ แต่ต้องแยกแยะด้วยวิจารณญาณ ซึ่งก็ควรมีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์ด้วย

 

พบกันใหม่คราหน้า ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพร

#ด้วยรักนะออเจ้า


Previous Next

  • Author:
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Perapat T.
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)