ผู้เขียน: Jit


เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงวัยเด็ก ท่ามกลางความทรงจำเลือนรางทั้งหลายนั้น ข้าพเจ้าพยายามนึกถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เคยมีโอกาสได้ร่วมพิธีงานศพแบบคนจีนอย่างค่อนข้างเต็มรูปแบบ

 

จำได้ว่าตัวเองได้ใส่ชุดกระสอบเดินข้ามสะพานพร้อมกับหย่อนเหรียญลงกะละมังสีเงิน และด้วยความเป็นเด็กในตอนนั้นเลยจำภาพว่าเป็นเรื่องสนุกจนอยากไปอีกสักครั้งในชีวิต

 

เหมือนใครๆ เขาจะเรียกงานวันนั้นกันว่า “พิธีกงเต็ก”

 

_________________

 

เรื่องของเรื่องที่ทำให้ต้องพยายามนึกถึงวันนั้นในวัยเด็กก็เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากครอบครัวว่าอาม่าจากโลกนี้ไปแล้วด้วยวัย 102 ปี

 

ในส่วนของความรู้สึกโดยภาพรวมค่อนข้างจะสงบจนเกือบเรียกได้ว่าเป็นวันปกติธรรมดาวันหนึ่ง เนื่องจากข้าพเจ้าและครอบครัวมีโอกาสทำใจกันมาระยะหนึ่งเพราะอาม่าท่านอายุมากแล้วจริงๆ

 

ส่วนตัวข้าพเจ้ามีความตื่นเต้นแฝงอยู่นิดหนึ่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่น่าสนใจคราวนี้

คือการได้เห็นพิธีกงเต็กอีกครั้งในมุมมองของผู้ที่เชื่อในพระเจ้า

 

 

ก่อนเดินทาง ข้าพเจ้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ “พิธีกงเต็ก” ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คิดว่าหลายคนคงไม่ต่างจากข้าพเจ้า ที่แม้จะมีบรรพบุรุษเป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่สิ่งที่รุ่นหลังอย่างเรารับต่อคงเป็นการทำตามพิธีต่างๆ ที่ถูกจัดเป็นรูปแบบมาแล้ว มากกว่าจะรู้ว่าความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร

 

พออ่านข้อมูลแล้วก็สรุปได้ประมาณว่า…

 

“พิธีนี้คนจีนเชื่อว่าเป็นการส่งดวงวิญญาณผู้ตายไปสวรรค์ ซึ่งในพิธีจะประกอบไปด้วยข้อปฏิบัติต่างๆ โดยมีจุดหมายทั้งสิ้นเพื่อให้ดวงวิญญาณของผู้ตายสามารถไปถึงสวรรค์และเตรียมให้ดวงวิญญาณนั้นได้อยู่อย่างสุขสบาย เช่น การโยกโคมวิญญาณของผู้ตายเพื่อขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์, การเชิญดวงวิญญาณมาร่วมพิธี, การจำลองการพิพากษาคดีจากบดีศาล, การเดินข้ามสะพานเพื่อพาดวงวิญญาณไปยังสุคติภูมิ, การเผาข้าวของเครื่องใช้ กระดาษเงิน กระดาษทอง บ้านกระดาษ คนใช้กระดาษ เพื่อให้ผู้ตายเอาไปใช้ในโลกหน้า เป็นต้น”

 

 

วันจริง ข้าพเจ้าเห็นถึงความยุ่งยากเหลือเกินที่จะส่งวิญญาณดวงหนึ่งไปสวรรค์

มีรายละเอียดยิบย่อยเต็มไปหมด

แม้กระทั่งกับตุ๊กตาคนรับใช้กระดาษที่สุดท้ายแล้วจะต้องเผาทิ้งก็ยังต้องซื้อขนมปังและนมให้เป็นอาหารก่อนเผา

 

 

การเห็นพิธีในมุมมองที่ตัวข้าพเจ้าเองโตขึ้นและผ่านการรับเชื่อมาก่อนแล้วทำให้ข้าพเจ้ารู้ความจริงที่ว่าพระเยซูได้นำเสนอทางที่ดีกว่าในการมีชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้าตลอดไป ซึ่งเป็นทางที่ง่ายกว่า ซับซ้อนน้อยกว่า และไม่ต้องพึ่งพาพิธีใดๆ รวมไปถึงการกังวลล่วงไปโลกหน้า เราไม่จำเป็นต้องเตรียมบ้าน คนใช้ เงินทอง และโทรศัพท์มือถือมาเผาเพื่อใช้ในอีกโลกถัดไป

 

พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา ถ้าพวกท่านรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์”
(ยอห์น 14:6-7)

 

_________________

 

ข้าพเจ้าหดหู่กับความเชื่อที่ต้องเผาบ้านกระดาษหลังใหญ่ ประกอบด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า คนรับใช้ รถยนต์ คนขับรถ และของใช้อื่นๆ อีกมากมาย..

 

 

หดหู่เมื่อต้องฝังอาม่าในสุสานที่มีชื่อว่า “แดนสุขาวดี” สถานที่ที่ข้าพเจ้าไม่ยอมยกกล้องมาถ่ายรูป เพราะเนินเขานั้นเต็มไปด้วยหญ้าแห้งและศาลาเก่าที่เต็มไปด้วยฝุ่น

 

หดหู่เมื่อรู้ว่ามีอีกหลายคนที่มีความเชื่อว่าหลังจบชีวิตบนโลกนี้ไปแล้ว ยังต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบเดินอีกครั้ง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องน่ายินดี และแดนสุคติที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้รับในการใช้ชีวิตอีกครั้งก็ไม่ได้น่าอยู่สักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสิ่งที่พระเยซูทรงให้คำมั่นสัญญาไว้กับเราว่าข้าพเจ้าไม่ต้องเตรียมที่อยู่ของตัวเองเลย เพราะพระเยซูได้เตรียมให้หมดแล้ว

 

“ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย”
(ยอห์น 14: 2-3)

 

_________________

 

สรุปแล้ว การมีโอกาสได้เห็น “พิธีกงเต็ก” ในครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้ตระหนักถึงพระสัญญาของพระเยซูที่มีให้กับเราถึงสถานที่ที่ต้องไปต่อหลังความตายในโลกว่ามันช่างเป็นที่ที่เต็มไปด้วยความหวัง อีกทั้งรู้สึกขอบคุณอย่างลึกซึ้งที่พระองค์ยอมสละชีวิตเพื่อให้คนบาปอย่างข้าพเจ้าได้มีความหวังหลังความตายในองค์พระเยซู มากกว่าที่จะหวังในพิธียุ่งยากที่มนุษย์สร้างขึ้น และคงจะดีไม่น้อยถ้าคนอื่นๆ ได้เปลี่ยนความหดหู่ของโลกหน้าให้เป็นชื่นชมยินดีในชีวิตนิรันดร์ได้อย่างข้าพเจ้า

 

หวังว่าเหตุการณ์นี้จะติดตรึงใจให้ข้าพเจ้าเร่งประกาศเรื่องของพระองค์

.

ด้วยความรัก ความเชื่อ และชูใจ


#ชูใจชวนแชร์ เพราะเรารู้ว่าทุกคนมีเรื่องเล่า… ชูใจจึงชวนมา ‘ส่งต่อ’ เรื่องราวที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตของคุณเพื่อ ‘ชูใจ’ คนอื่นต่อไป ( <3 อ่านรายละเอียดได้ที่ >> https://www.choojaiproject.org/choojai-forward/ )


Previous Next

  • Illustrator:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน
  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน