3 เหตุผลที่คริสเตียนไม่ควรสูบบุหรี่

EP. 58

3 เหตุผลที่คริสเตียนไม่ควรสูบบุหรี่


 

 

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เพราะเห็นถึงผลกระทบของยาสูบที่มีต่อโลกใบนี้นั่นเอง ชาวชูใจหลายคนอาจมีคำถามสงสัยอยู่บ้างว่า ถ้าบุหรี่ถูกกฏหมายและขึ้นชื่อว่าเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญขนาดนี้ คริสเตียนสามารถสูบบุหรี่ได้ไหม? ถ้าสูบแล้วไม่เวียนหัวใครนอกจากหัวเราเอง  วันนี้ชูใจจะชวนพูดคุยกันถึงเหตุผล 3 ข้อ ที่อ่านแล้วอาจจะทำให้เราได้กลับมาคิดีดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

 

  1. เพราะเราต้องรักตัวเอง และคนรอบข้าง

 

“เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทะนุถนอม…”  – (เอเฟซัส 5:29)

 

แท้จริงแล้วข้อพระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงการที่สามีควรรักภรรยาและทะนุถนอมเหมือนร่างกายของตนเอง ทำนองเดียวกับการรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แม้พระคำของพระเจ้าในข้อนี้จะไม่ได้บอกตรงๆ ว่า “จงรักตนเอง” แต่การรักตัวเองดูแลตัวเองนั้นก็น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรทำอยู่แล้ว 

ควันบุหรี่ส่งผลเสียต่อตัวเราและคนรอบข้างกว่าที่เราคาดคิด สารนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่นั้นสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดทางผิวหนังและปอดได้โดยไม่ต้องจุดไฟด้วยซ้ำไป จากงานวิจัย ของศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)  [1] พบว่า เพียงการสัมผัสฝุ่นจากโรงงานยาสูบก็ทำให้นิโคตินสามารถตกค้างในผิวได้แม้ไม่เกิดการสัมผัสควัน ซึ่งเห็นผลกระทบได้ชัดจากการที่คนงานและเด็กๆ รอบโรงงานยาสูบมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด หรือเป็นลม

“นิโคติน” เป็น “สารอัลคาลอยด์” ที่มีความเป็นพิษสูง ถูกใช้ในอุตสาหกรรมยาสูบ และยาฆ่าแมลง สามารถตกค้างบริเวณผิวหนังและซึมเข้าสู่กระแสเลือด หรือตกค้างที่ริมฝีปากของผู้สูบได้ เช่น เดียวกันกับ “สารทาร์” ที่เกิดจากการเผาไหม้และเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง มะเร็งในเม็ดเลือด มะเร็งหลอดลม และมะเร็งปอด การตกค้างเหล่านี้จะฝังแน่นในร่างกายจนทำให้กลิ่นตัวของผู้สูบเปลี่ยนไปเลยทีเดียว

อีกงานวิจัยหนึ่งของ ศจย. [2] บ่งชี้ว่าการสัมผัสควันบุหรี่ในสิ่งแวดล้อมส่งผลกับโรคหอบหืดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหอบหืดมากขึ้น โดยหากมีสมาชิกในครอบครัวสูบ หรือแม้กระทั่งได้รับควันบุหรี่ขณะเด็กเดินทางโดยสารสาธารณะ โอกาสเกิดโรคหอบหืดจะมากกว่าเด็กทั่วไปถึง 180% และ 161 % ตามลำดับ

ไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้นที่เราควรเอาใจใส่ หลายครอบครัวประสบปัญหาเรื่องสมาชิกในบ้านสูบบุหรี่ และในบางครอบครัวบุหรี่ก็เป็นสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้ง หมางใจ พระเยซูบอกว่าสิ่งสำคัญอันดับที่สองรองจากการรักพระเจ้าคือการรักเพื่อนบ้าน ซึ่งหมายรวมถึงครอบครัว เพื่อน และคนที่อยู่รอบข้างเราทุกคน “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” 

 

 


ภาพ โดย  Basil MK

_________________

 

2. เพราะร่างกายเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า

 

ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง  เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด”

– (โครินธ์ 6:19-20)

 

เราอาจเคยได้ยินข้อพระคัมภีร์นี้บ่อยๆ ซึ่งใจความสำคัญของข้อนี้ก็คือ ให้ถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของเรา แม้พระคำของพระเจ้าจะไม่ได้บอกอย่างชี้ชัดว่าการสูบบุหรี่หรือยาเส้นเป็นเรื่องผิด และแม้นิโคตินจะไม่สามารถทำร้ายพระเจ้าได้เหมือนที่ทำร้ายเพื่อนบ้าน แต่ด้วยหลักการพื้นฐานข้อนี้ก็ทำให้เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า บุหรี่อาจทำลายทั้งภาพลักษณ์ของตัวเรา กระทั่งเสื่อมเสียไปถึงพระเจ้า 

เพราะโดยความเข้าใจของผู้คนทั่วไป ควันบุหรี่เป็นสิ่งที่ทำร้ายผู้อื่น ซึ่งตามบรรทัดฐานของสังคมแล้วยาสูบก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้คนยังไม่ค่อยยอมรับ (ทั้งแบบถูกกฏหมาย และผิดกฎหมาย) ถึงจะมีการพยายามสกัดเอาสารนิโคตินออก หรือใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เชื่อว่าส่งผลเสียต่อร่างกายน้อยกว่า แต่การทำให้เกิดควันก็ยังคงส่งผลทางด้านลบต่อภาพลักษณ์ และนำไปสู่การตั้งคำถามได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นกับการสูบยาเส้นรูปแบบพิศดารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าแทนการจุดไฟเผา การสูบผ่านน้ำ หรือ เติมความหวานลงไป ก็ไม่ได้ช่วยให้ภาพลักษณ์ดูดีขึ้นเท่าไหร่

 

ภาพจาก by Pixabay.com

_________________

 

 

3. เพราะสารเสพติดทำให้เราสูญเสียการควบคุมตัวเอง

 

จากการวิจัยเรื่องผลกระทบของการขึ้นภาษีบุหรี่ต่ออุปสงค์ยาเส้น [3] พบว่า การขึ้นภาษีสรรพสามิตไม่ได้ช่วยควบคุมให้อัตราการสูบลดน้อยลง ซ้ำยังส่งผลให้ผู้คนหันไปบริโภคยาสูบแบบทำเองมากขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขที่ราคาไม่ได้ส่งผลต่ออุปสงค์ของยาสูบโดยรวม เพราะผู้คนยังต้องการสูบอยู่

สารเสพติดในบุหรี่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ “นิโคติน” มีฤทธิ์ทั้งกระตุ้นและกดประสาท ที่สำคัญคือมีสารที่ทำให้เกิดการเสพติดจึงถูกบรรจุให้เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เสพติดยาสูบจำนวนมากมักปฏิเสธว่าตัวเองไม่มีอาการเสพติดเพียงเพราะบุหรี่ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะสูญเสียการควบคุมตัวเองโดยสมบูรณ์อย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาเสพติดประเภทอื่นๆ เท่านั้นเอง

ฤทธิ์กระตุ้นของบุหรี่ส่งผลให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข ผู้สูบจึงรู้สึกดีเมื่อได้สูบบุหรี่ ส่วนฤทธิ์กดประสาทส่งผลให้ ร่างกายลดความตึงเครียดลง ผู้สูบจึงรู้สึกผ่อนคลายเมื่อสูบบุหรี่ ดังนั้นผู้ที่ขาดบุหรี่จึงมีอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะร่างกายที่เคยพึ่งพานิโคตินจะสูญเสียความสามารถในการ สร้างสมดุลย์ในการสร้างความสุขด้วยตัวเองไป

นิยามของการเสพติดมีทั้งแบบ เสพติดทางพฤติกรรม และเสพติดสารเคมี อย่างแรกคือการทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ จนร่างกายเกิดความเคยชิน และหากไม่ได้ทำก็จะเกิดความต้องการในสิ่งนั้น แต่ถ้ามีอย่างอื่นทดแทนก็อาจจะไม่เป็นไร ส่วนอย่างที่สองคือการที่ร่างกายได้รับการกระตุ้นด้วยสารเคมีเข้าไปบ่อยๆ จนไม่สามารถผลิตสารนั้นได้เองในที่สุด หากขาดก็จะรู้สึกโหยหา หรือ “ลงแดง” ต้องการสารเคมีนั้นมากขึ้นๆ จนสุดท้ายอาจใช้เกินปริมาณที่ร่างกายจะรับไหว

 

ไม่ต่างอะไรกับการเป็นทาส…

 

แน่นอนว่าเราไม่ได้เป็นทาสทางกายที่ต้องได้รับการบังคับให้สูบบุหรี่ แต่เป็นทาสในระดับจิตใจ และการเป็นทาสนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงด้านจิตใจ แต่จะส่งผลกระทบไปถึงระดับจิตวิญญาณเลยทีเดียว เพราะทาสทางกายนั้นคือการบังคับ และทาสทางใจ คือการยินยอมโดยใจสมัคร หรือถูกหลอกให้หลง แต่หากไม่มีใครมาบีบบังคับ และเรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่อยากสูบ แต่ยังทำหรือฝืนตัวเองไม่ได้แล้ว เราก็อาจเป็นทาสในระดับจิตวิญญาณ

เพราะการตกเป็นทาสจะทำให้เราสูญเสียการบังคับตน บางคนจะเกิดความรู้สึกอยากสูบทุกครั้งที่เครียด บางคนอยากสูบทุกครั้งที่ฝนตก ทะเลาะกับแฟน แม้ไม่มีปัจจัยซื้อก็หายืม หรือใช้วิธีซื้อแบบแบ่งขายเอา ซึ่งทางจิตวิทยาเรียกอาการนี้ว่า “การถูกวางเงื่อนไข” คือเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งผู้สูบจะตอบสนองด้วยการสูบบุหรี่โดยอัตโนมัติ วนเวียนเป็นวัฏจักรจนหลุดพ้นไม่ได้ นั่นคือสาเหตุที่พระเจ้าทรงหวงแหนและไม่อยากให้เราตกเป็นทาสของสิ่งใด เพราะเราจะไม่เป็นอิสระและไม่มีความสุข หรือพึ่งพาความสุขจากแหล่งพลังงานที่ผิด ไม่ยั่งยืน และส่งผลเสียในระยะยาวนั่นเอง

 

ดังนั้นหากเป็นไปได้ ชูใจ จึงอยากให้ผู้อ่านห่างไกลจากบุหรี่ทั้งในวันงดสูบบุหรี่โลก และในทุกๆ วัน เพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบข้าง และเพื่อพระเจ้าของเรา ☺

 

สรุปเหตุผลที่เราไม่ควรสูบ ก็เพราะว่า …

  • บุหรี่ไม่ได้ทำร้ายเฉพาะตัวเราเองเท่านั้น แต่กลิ่นและควันของมันส่งผลเสียต่อคนรอบข้างด้วย 
  • แม้ในบุหรี่ที่ไม่มีนิโคติน ก็ยังทำให้เสียภาพลักษณ์ (ร่างกายของท่านเป็นพระวิหาร จงถวายเกียรติพระเจ้าด้วยร่างกายของท่าน)
  • บุหรี่ทำให้เราไม่มีอิสรภาพ ตกเป็นทาสของการเสพติด

 

 


 

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


Previous Next

  • Author:
  • Blogger ผู้มากความสามารถในงานเขียน เป็นคริสเตียนที่เรียนสังคมวิทยา ฯ มาอย่างโชกโชน สเตตัสปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ และ รับใช้พระเจ้าไปด้วย :)
  • Illustrator:
  • Kawin B.
  • "วินวิน" เด็กสาวเจน Z ที่ออกจาก comfort zone มาลองฝึกงานกับพี่ๆ ทีมชูใจไกลถึงเชียงใหม่ เธอผู้ไม่เคยใช้ชีวิตนอกกรุงเทพมหานครมาก่อน กำลังจะได้เผชิญโลกกว้าง และ explore การรับใฃ้ในรูปแบบอื่นๆ ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน เป็นกำลังใจให้วินวินผ่านแคมเปญนี้ไปให้ได้ด้วยนะคะ!
  • Editor:
  • Emma C.
  • เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน