เรื่องราวต่อไปนี้เป็นคำพยานเรื่องยาวที่ต่อมาจากตอนก่อนหน้าสามารถอ่านตอนที่ผ่านๆ มาได้ทาง >>>> https://www.choojaiproject.org/category/articles/life-series/faith-hope-love-diary/
ผมยืนอยู่ตรงกลางถนน เบื้องหน้าเป็นรถยนต์ที่วิ่งตรงเข้ามา ผมส่งสัญญาณมือให้ขับเบี่ยงออกไป รถที่ตรงมาก็ชะลอและเบี่ยงออกไปขับอีกเลนอย่างเชื่อฟัง
อาจเพราะเห็นว่าด้านหลังผมคือรถปิคอัพที่ถูกชนท้าย มีซากมอเตอร์ไซค์ และเด็กผู้ชายที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นถนนเป็นส่วนประกอบ
…
บ่ายแก่ๆ ของวันธรรมดาวันหนึ่งที่ผู้คนสัญจรไปมา ทุกอย่างเคลื่อนไปตามที่มันควรจะเป็น จนกระทั่งเสียงของการปะทะกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้นบนถนน
ห่างจากตรงนั้น 50 เมตร ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟติดริมถนนใหญ่ เสียงนั้นเรียกความสนใจคนทั้งร้านให้มองไปทางเดียวกันเพื่อมองหาความผิดปกตินั้น และอาจเพราะเหตุผลเดียวกัน ผมจึงลุกออกไปยังเสียงนั้น ผมเดินออกจากร้านเพื่อตรงไปยังจุดเกิดเหตุ รถปิคอัพจอดอยู่ คนขับยืนโทรศัพท์อยู่ที่ด้านหลังรถ มอเตอร์ไซด์ยับๆ อีกคันนอนทับรอยไถลที่ลากยาวหลายเมตร ผมเดินตรงไปที่หลังรถจนได้พบกับผู้ประสบภัย
เด็กผู้ชายอายุน้อยกว่า 20 ใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์ม มีหมวกกันน็อกแบบปิดหมดทั้งหัวนอนนิ่งอยู่บนถนน ผมรีบวิ่งเข้าไปด้วยความคาดหวังในตัวเองว่าน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่เมื่อใกล้พอจะเห็นสภาพที่เด็กคนนั้นนอนอยู่ก็ทำให้ผมพบว่าผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมนั่งใกล้ๆ กับคนเจ็บบนพื้นถนน โน้มตัวลงตะโกนข้างหูเรียกคนที่ผมไม่รู้แม้แต่ชื่อ ด้วยหวังว่าเขาจะตอบสนองให้คงสติไว้ นั่นคือการช่วยเหลือเท่าที่ผมคิดว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว มีคนวิ่งเข้ามาช่วยด้วยความหวังแบบเดียวกันกับผม และช่วยได้มากที่สุดเพียงโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ และโบกรถคันอื่นให้ถอยห่าง
ผมโบกมือส่งสัญญาณให้รถเบี่ยงออกไป เพื่อการจราจรจะได้สะดวกพร้อมให้ทีมกู้ภัยเข้ามาช่วย ถึงกระนั้น ตอนนี้รถบนถนนก็เคลื่อนตัวช้าจนต่อกันเป็นทางยาวออกไปไกลจนเกือบมองไม่เห็น ได้ยินเพียงเสียงสัญญาณของการกู้ภัยที่กำลังจะมา เมื่อรถกู้ภัยมาถึง เจ้าหน้าที่ก็ทำการปั๊มหัวใจของเด็กคนนั้นกลางถนน ก่อนจะพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วทุกอย่างก็กลับไปเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้น ผู้คนสัญจรไปมาอย่างปกติ ทุกอย่างเคลื่อนไปตามที่มันควรจะเป็น
ส่วนผม เดินกลับมาที่ร้านกาแฟด้วยคนละความรู้สึกคนละอย่างจากตอนที่เดินออกไป
…
ภาพเด็กบนถนนยังชัดเจน ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงเส้นคาบเกี่ยวระหว่างชีวิต และ ความตาย เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ความรู้สึกนั้นจุกแน่นอยู่ในอก จนพูดไม่ออก ผมจึงกลับไปนั่งที่โต๊ะซดกาแฟที่เคยร้อนให้หมด
“เด็กคนที่ผมเห็นนั้นจะมีโอกาสที่สองไหมนะ”
ผมได้ยินเรื่องที่บางคนทำงานอย่างหนักจนล้มป่วย หรือคนที่ประสบกับเหตุการณ์บางอย่างที่รุนแรงจนเกือบตาย แต่แล้วก็รอดมาได้ แล้วคนเหล่านั้นก็เปลี่ยนวิถีชีวิตที่เคยเป็น เพราะได้รับโอกาสที่สอง
ก่อนประสบเหตุเด็กคนนั้นกำลังจะไปไหน วางแผนจะทำอะไรผมไม่รู้ แต่บนถนนตอนนั้น ผมภาวนาขอให้เด็กคนนั้นได้รับโอกาสที่สองสักครั้ง
การเห็นชีวิตที่กำลังจะจากไป แล้วผมไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ทำให้ผมหดหู่ หลังจากวันนั้นผมไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่เกิดเหตุสุด มีคนไข้อายุราวๆ 18 อยู่ในห้อง ICU จริง ไม่รู้ว่าจะใช่เด็กคนนั้นไหม แต่ผมภาวนาในใจ แม้ไม่รู้จักแต่ก็ขอให้เขาได้โอกาสที่สอง
_________________________
เชียงใหม่, วันพุธ
31 ม.ค. 2018
ผมยืนอยู่ข้างเตียงของพ่อ มองพ่อที่ไม่ได้เขยื้อนไปไหนกว่า 30 วัน พลางเกิดคำถามในใจ
“แล้วพ่อจะได้โอกาสที่สองไหม”
…
“พระเจ้าช่วยด้วย”
สรรเสริญฝ่าอุปสรรค
ติดตาม Faith Hope Love Diary ในตอนหน้าได้ทางเว็บไซด์ชูใจโปรเจ็ค หรือทางเฟจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/choojaiproject/
Related Posts
- Author:
- เนื้อแท้เป็นคนรักหนัง เบื้องหลังดีไซน์เก๋ๆ สวยๆ ของเว็บชูใจ คือฝีมือของเค้า นักออกแบบตัวยงผู้รักบอร์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ และอยากเห็นงานสร้างสรรค์คริสเตียนไทยพัฒนาก้าวไกลไม่แพ้ชาติไหนในโลก
- Illustrator:
- Rhoda Phu
- กอง บก. น้องเล็กคนใหม่คนชูใจ แม้เรียนมาด้านออกแบบจิลเวอรี่แต่ก็ยังมีใจรักการออกแบบสิ่งทอ บางวันสอนเสริมศิลปะ บางวันก็ตามหาความฝัน
- Editor:
- Emma C.
- เด็กสาวหน้านิ่งจากเมืองกรุง มุ่งหน้าใช้ชีวิตในเมืองเหนือ พระเจ้านำให้ได้มาทำงานกับชูใจ เธอผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งวาดภาพ เขียน เรียบเรียง และเอาขามาพาดคอระหว่างนั่งทำงาน เธออินกับการสะกดคำให้ถูกต้องตามราชบันฑิตฯ และมีรสนิยมวินเทจผิดจากความเป็นเจนวาย เป็นหนึ่งใน Avenger ทีมบก.ที่จะมาช่วยชูใจผู้อื่นกัน